Lifestyle

เมย์ วาสนา อินทะแสง เจ้าของโรงงานผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมย์ วาสนา อินทะแสง เจ้าของโรงงานผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริม กับความเชื่อที่ว่า “สินค้าที่ดี ต้องมีมาตรฐาน และหากอยากเป็นผู้นำ ต้องทำสูงกว่ามาตรฐานอยู่เสมอ”

หากย้อนเวลากลับไปในอดีต มีข่าวที่เกี่ยวข้องกับโรงงานผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริมที่ไม่ได้มาตรฐานโดนจับ โดนปิดโรงงานให้เห็นบ่อยตามหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ใครจะคิดว่ามันเป็นแรงกระตุ้น และผลักดันให้เกิดโรงงานผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริม ที่มีคุณภาพ มาตรฐานระดับสากล และดีต่อสุขภาพผู้บริโภคในปัจจุบันนี้อย่าง โรงงานผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริม รีโว่เมด (ไทยแลนด์) ที่มีคุณเมย์ วาสนา อินทะแสง เป็นเจ้าของ ในการก่อตั้งโรงงานแห่งนี้ 


คุณเมย์เล่าว่า “ในตลาดอาหารเสริมและสกินแคร์เราได้ยินเรื่องของ สเตียรอยด์ สารปรอท ทำให้หน้าพัง คนกินไซบูทรามีนถึงตาย แอลกอฮอล์ใช้สีผสมย้อมผ้ามาทำ ตอนนั้นเราคิดว่า ทำไมเขาถึงกล้าทำ ทำไมโรงงานในประเทศไทยที่ได้มาตรฐานดี ๆ มันถึงหายากจัง ไม่ใช่ว่าไม่มีนะคะ แต่มันมีน้อย โรงงานที่เราเชื่อใจได้และวางใจได้ รวมถึงผลิตแล้วเราจะขายได้ไหม เพราะพอคุณภาพดีก็มักจะมาพร้อมราคาที่สูงเกินไป คนทั่วไปเอื้อมไม่ถึง หรือส่วนใหญ่มักจะไม่สามารถซื้อกิน ซื้อใช้ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ เราอยากแก้ปัญหานี้ คือ อยากให้มันมีโรงงานดี ๆ ที่ดูแลเจ้าของแบรนด์อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพดี ราคาเหมาะสม ผู้คนเข้าถึงได้แบบสบายกระเป๋า นี่คือเป้าหมายหลัก ที่เราอยากจะทำค่ะ”

จากการพูดคุยเพียงเล็กน้อย มันทำให้เราได้เห็นพลังความคิดที่ยิ่งใหญ่ของเธอ ที่มีมุมมองความคิดที่ไม่ธรรมดาเลย และเธอมักจะบอกกับใคร ๆ ว่า เธอ คือ คนธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่มาจากบ้านนอก และนับต่อจากบรรทัดนี้ไป เป็นเรื่องราวความเป็นมาของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ “เมย์ วาสนา อินทะแสง”

 

เด็กร้อยเอ็ด

เมย์ เป็นเด็กธรรมดา ๆ คนหนึ่งนี่แหละ เป็นเด็กต้นทุนต่ำ ที่ค่อนข้างขาดโอกาสในการเรียนก็ว่าได้ เป็นลูกชาวนา เกิดและโตที่ อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ดค่ะ ลูกชาวนาโดยกำเนิด จริง ๆ ความฝันตอนนั้นเลยนะคะ เราอยากเรียนให้จบ ม.6 แค่นั้นเลย อยากเรียนจบ ม.6 พร้อมกับเพื่อน ๆ ที่บ้าน คือเราเป็นเด็กเรียนดีเรียนได้ที่ 1 ตลอดเลย เป็นเด็กตั้งใจเรียน แต่ว่าเราเป็นลูกคนสุดท้อง พ่อแม่ก็เลยส่งเรียนได้แค่ ม.3 ตอนนั้นจำได้ว่าเขาไม่ให้เราเรียนต่อ เขาให้ขึ้นมาทำงานที่กรุงเทพฯ เราร้องไห้อยู่หลายวันกว่าจะทำใจยอมรับได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ได้เข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ค่ะ แต่ก่อนหน้านั้นเราก็ดรอปเรียนไป 1 ปี เพราะว่าเราทำงานก่อน เก็บเงินค่าเรียนให้พอก่อน แล้วก็ค่อยหาโอกาสเรียน เมย์เลือกเรียน ปวช. เพราะว่า ปวช. มันเลิกเร็ว มันไม่ได้เรียนแบบเหมือนสายวิทย์ สายคณิต เราเลือกเรียนสายนี้เพื่อที่จะให้เราเลิกเรียนประมาณ ช่วงบ่าย ๆ เพื่อที่จะมีเวลาทำงานในช่วงเย็นได้ พอเช้าเราก็ไปเรียนปกติ

เมย์ วาสนา อินทะแสง เจ้าของโรงงานผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริม

เมย์ วาสนา อินทะแสง เจ้าของโรงงานผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริม

 

เริ่มงานครั้งแรก

อย่างที่บอกว่าค่ะว่า ชีวิตหรือต้นทุนชีวิตของเมย์ต่ำ พ่อแม่เราก็ลำบากมากเลย แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เราชีวิตเปลี่ยนได้ไม่ได้หวังว่าจะรวยล้นฟ้า หวังแค่พอมีพอกิน ดูแลครอบครัวได้ ไม่ต้องให้พ่อแม่ลำบากเหมือนตอนนี้ และสิ่งหนึ่งที่เราคิดแล้วโฟกัส ณ ตอนนั้นคือการศึกษา เรามองว่าสิ่งเดียวนี่แหละที่จะทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนได้นั่นก็คือการศึกษา จึงทำให้ไม่หยุดเรียนค่ะ เราเลือกทำงานทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้เราได้มีเงินเรียน จึงเริ่มต้นงานครั้งแรก ๆ ด้วยการเป็นเด็กเสิร์ฟ ทำงานล้างจาน ขายเสื้อผ้า ขาย jewelry ขายหินต่าง ๆ ทำมาหลายอาชีพมาก ๆ ค่ะ แต่เราก็ยังไม่หยุดที่จะเรียนนะคะ พอเรียนจบ ปวช. ก็มาต่อที่เรียนปริญญาตรีที่ ม.ราชภัฏสวนดุสิต เรียนจบหางานทำ เราเรียนด้านการตลาดมา งานแรกหลังเรียนจบคือ พนักงานขาย (Sale) ประตูหน้าต่างอลูมิเนียม ขายตามโครงการหมู่บ้านอย่างนี้อะค่ะ ซึ่งก็ต้องวิ่งไซต์งาน ยกของแบกของหนักไปไซต์งานตลอดค่ะ ก็เป็นงานที่ดีนะคะ ทำแล้วก็มีความสุข

 

วันหนึ่งมี Sale ใหม่เข้ามา แล้วเขาชวนไปสมัครบริษัทยา เป็นผู้แทนยา ซึ่งผู้แทนยาที่เรารู้มาคือต้องจบวิทย์ จบเภสัช เขาไม่รับเราหรอก แต่ไม่รู้อะไรดลใจ ก็ไปสมัครทิ้ง ๆ ไว้หนึ่งปีค่ะ มันเหมือนกับบุญพาวาสนาส่งหรืออะไรก็ไม่รู้ หรือถ้าเป็นภาษาเราคือดวงมาฟ้าเปิด เขาเรียกเราสัมภาษณ์ การสอบสัมภาษณ์ในครั้งนั้นจึงเป็นเหมือนไฟเปิดทางให้เรามีโอกาสได้เข้ามาทำงานในบริษัทยา ด้วยเขตที่เขารับเป็นเขตอีสาน เป็นเขตบ้านเรา เขาอยากได้คนพื้นที่ เขาอยากได้ผู้หญิงที่มีบุคลิกดี มีการสื่อสารที่ดี มีเทคนิคสกิลการขาย แล้วยาที่เราถือเผอิญเป็นยาพวกกลุ่มผิวหนัง ไม่จำเป็นต้องจบสายวิทย์ เขาเลยรับเราเข้าทำงานค่ะ

 

ชีวิตเปลี่ยนเพราะการศึกษา

ในขณะที่ทำงาน เมย์ก็ยังหาเรียนคอร์สต่าง ๆ ไปด้วยควบคู่กัน มันก็เป็นช่วงที่ทำให้เราต้องพัฒนาตัวเอง เพราะเรารู้ว่า ข้อด้อยของเราคือ ภาษาอังกฤษที่ไม่ดี วิทย์ เคมี ชีวะ ก็ไม่ได้ แต่สิ่งที่เรามีคือความขยัน และความพยายาม ซึ่งมันไม่เคยทรยศเราเลย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีโอกาสในหลาย ๆ ด้าน แล้วพอเราทำงานที่บริษัทนี้ค่ะ ทำให้เราเป็น Top Sales มียอดขายที่สูงที่สุด จากเขตอีสานแห้งแล้งกลายเป็นอีสานเขียว (เปลี่ยนจากขาดทุนเป็นกำไร) จากแค่ผู้แทนยาธรรมดากลายเป็น Sales Supervisor, Sales Manager, National Sales Manager และกลายเป็น Sales Director ในระยะเวลาไม่นานเลย มันสะท้อนให้เห็นว่าเด็กที่อาจจะไม่ได้ต้นทุนดี พื้นฐานไม่ได้ดีมาก แต่เราขยันที่จะศึกษา ขยันที่จะเรียน เป็นน้ำไม่เต็มแก้ว ไม่ได้เรียนรู้แค่ในรั้วมหาวิทยาลัยนะคะ เมย์ยังเรียนแบบเรียนเป็นคอร์สข้างนอกด้วย เวลาขับรถออกเขต คนอื่นอาจจะเปิดเพลงฟัง แต่เมย์ฟังเทปเทรนนิ่งตลอดทาง ฟังแทนเพลงอย่างนี้ตลอดเลย เริ่มจากครูพักลักจำ จำไปเรื่อย ๆ จำ จำ จำ แล้วก็ทำความเข้าใจจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ
 

จนทุกวันนี้ จากคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ไม่ดี เราก็ทำงานกับต่างประเทศได้ ภาษาอังกฤษเราได้ สกิลวิทย์ เคมีเราไม่แพ้ใคร แล้วต่อยอดมา เรียนปริญญาโทในเรื่องของการตลาด เพราะเราคิดว่าการศึกษามันจะต่อยอดให้เรามีทักษะ มีสกิลที่ดีขึ้น แล้วก็มีโอกาสที่มากขึ้นจากเรียนปริญญาโทหลักสูตร M.B.A. ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่อยากเรียนมากตั้งแต่เด็กเลย จากนั้นก็มาเรียนปริญญาโท ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging) ที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ เพิ่มเติมอีกอันนึง เพราะเราทำอุตสาหกรรมโรงงานอาหารเสริมเราต้อง expert สิ เราต้องรู้สิ เราต้องรู้มากกว่าคนอื่น เจ้าของแบรนด์เค้าจะฝากแบรนด์กับเราได้ เขาจะเชื่อ จะวางใจเรา เราก็ต้องมีมากกว่า แล้วก็ช่ำชองกว่าเขา และในปัจจุบันเมย์กำลังเรียนปริญญาเอกอีกหนึ่งใบค่ะ อย่างที่บอกค่ะ เมย์ให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนเยอะมาก

 

จุดเปลี่ยนของชีวิต

ต้องบอกว่าพอเราทำงานบริษัทยาไประดับหนึ่ง เราสั่งสมประสบการณ์มาระยะหนึ่ง เรามองหาโอกาสของตลาดการรับผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของลูกค้า (OEM) มาโดยตลอด พอถึงช่วงจังหวะหนึ่งลองนำความคิดนี้ไปปรึกษากับเจ้านายอยู่ 2 ปี เขาบอกน่าสนใจอยากทำ เพราะนายเราเป็นเภสัช แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น เขาก็ยังไม่ได้ทำสักที เราก็เลยว่าเอาวะ ลองดูสักตั้งหนึ่ง เลยลาออกมาทำเอง ตอนแรกเราทำร่วมกับเพื่อนค่ะ ทำบริษัทกับเพื่อน ด้วยการที่ต้องคิดและตัดสินใจหลายคน เรารู้สึกว่ากระบวนการบางอย่างมันช้า ไม่ทันใจเรา ไม่ทันใจลูกค้า และโดยส่วนตัวเราเป็นคนกล้าคิด กล้าทำ คิดเร็ว ทำเร็ว ใจถึงพึ่งได้ แต่ข้อเสียคืออาจจะมีความเสี่ยงสูงในการลงทุนบางเรื่อง แต่ก็คิดว่า ถ้าแย่ที่สุด ฉันก็ไม่จนไปกว่าเดิมหรอก นี่คือนิสัยส่วนตัว ก็เลยตัดสินใจออกมาทำคนเดียวดีกว่า

 

ผลตอบรับในช่วงแรกอาจจะไม่หวือหวา แต่เมย์ก็ภูมิใจค่ะ เพราะเราเพิ่งเริ่มต้น เป็นน้องใหม่ในวงการ หลาย ๆ คนก็อาจจะยังไม่เชื่อว่าเราจะทำได้อย่างที่พูดไหม และก็ใช้สูตรเดิมค่ะ ต้นทุนเราต่ำ ความน่าเชื่อถือน้อย เราก็เลยต้องพยายามมากกว่าคนอื่น เรียกได้ว่าทำงานกันแบบลืมวันลืมคืน เหนื่อยมาก ๆ แต่มีความสุขค่ะ และผลตอบรับก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเราสามารถขยายจากห้องเช่าแค่หนึ่งห้องเมื่อ 7 ปีก่อน มาเป็นโรงงาน 3 โรงงานอย่างในทุกวันนี้ เคล็ดลับง่าย ๆ เลย คือ เมื่อต้นทุนต่ำ เราก็ต้องพยายามให้มากค่ะ ทำให้มาก ทุ่มเทให้มาก เปลี่ยนความขาดแคลนให้เป็นพลัง ใส่ให้สุดใจไม่มัวโทษโชคชะตา นี่คือพลังแห่งความสำเร็จของเมย์ค่ะ

 

สิ่งที่ยากที่สุดคือ “การตัดสินใจ”

ค่ะ ต้องบอกว่ายากมาก เพราะว่าตอนนั้นเพิ่งเริ่มมีลูก พอเรามีลูก เรารู้สึกว่า อะไรคือความท้าทายในชีวิต ถามว่าเงิน ณ วันนั้นลำบากไหม ตอนนั้นไม่ลำบากนะคะ แต่ไม่ได้สบาย จริง ๆ เป็นคนชอบใช้ของดีมาแต่ไหนแต่ไรตั้งแต่เด็กเลย ตั้งแต่แบบมีรายได้น้อยแต่ก็ใช้เยอะ มีวงเงินบัตรเครดิตก็คือใช้เต็มวงเงินอะไรอย่างนี้อะค่ะ เป็นคนใช้เงินเก่งมากเลย แต่ว่าก็หาเงินเป็นเหมือนกัน สิ่งที่ผ่านมาคือเราหาเงินเป็น เราก็ใช้เหมือนแบบคนมันไม่เคยมี มันเลยอยากจะได้แล้วก็อยากจะเติมเต็ม การตัดสินใจลาออกจากงานเป็นเรื่องยากไหม ยากค่ะ ก็กังวลหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะเรื่องรายได้ คิดอยู่นานเหมือนกัน แต่เมย์คิดว่าถ้าไม่ลองทำมันจะคาใจ เรารู้สึกว่ามันเป็นโอกาส ตลาดนี้มันไปได้แน่ ๆ เราค่อนข้างมั่นใจ ในขณะที่เราเองมี connection กับต่างประเทศพอสมควรจากการทำเรื่องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาขาย เราก็มั่นใจว่า เราน่าจะทำได้นะ อย่างน้อยเราก็ไม่น่าจะมีรายได้น้อยกว่าตอนทำงานเป็น Sales นี่คือสิ่งที่เราคิดตอนนั้นค่ะ

เมย์ วาสนา อินทะแสง เจ้าของโรงงานผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริม

 

ทำความรู้จัก “รีโว่เมด”

โรงงานของเราเป็นผู้ผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริมทุกชนิดเลยค่ะ สามารถทำได้ทั้งในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ โดยจะเป็นการรับผลิตภายใต้แบรนด์ของลูกค้าเอง เราผลิตได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น แคปซูล ซอฟท์เจล แท็บเล็ต เจลลี่ ผงชงดื่ม เม็ดฟู่ และอีกเยอะเลยค่ะ รวมถึง ใหม่ล่าสุดเลยค่ะ เมื่อวันก่อนที่จะมาสัมภาษณ์ก็คือ ได้รับการรับรองเรื่องของการผลิตอาหารทางการแพทย์เรียบร้อยแล้ว เป็นโรงงานอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรมนี้ที่ได้รับการรับรอง
 

“มากกว่ารับจ้างผลิต เพราะเราคือคู่คิดของธุรกิจคุณ” คือคำจำกัดความของรีโว่เมด เรามี Passion ว่าเราอยากเป็นเพื่อนคู่คิดของเจ้าของแบรนด์ อยากเป็นส่วนหนึ่งในการปั้นแบรนด์ของลูกค้าให้เติบโตอย่างยั่งยืน ในฐานะของเพื่อนที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง หลาย ๆ คนเรียกเราว่า “คนหลังเวที” ที่ช่วยเนรมิตโชว์ที่อลังการ อย่างที่บอกค่ะ นอกจากเราจะผลิตที่โรงงานของเราแล้ว เรายังสามารถผลิตและนำเข้าจากต่างประเทศได้ด้วย เพราะสินค้าบางตัวลูกค้าอยากจะต้องการจุดขายที่แตกต่างและได้เปรียบในการทำตลาด (Competitive Advantage) อยากได้ Made in Fence , Made in USA , Made in Korea , Made in Japan เราสามารถทำให้ได้ค่ะ ลูกค้าไม่ต้องเหนื่อยและลำบากติดต่อเมืองนอก เราจัดการให้ได้หมด ด้วยทีมงานประสบการณ์มากกว่าใน 10 ปี วางใจได้เลยค่ะ

เมย์ วาสนา อินทะแสง เจ้าของโรงงานผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริม

 

“ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะรีโว่เมด”

พูดได้นะคะ รู้สึกเป็นคำที่สร้างกำลังใจได้ดีมาก ๆ เลยคํานี้ เพราะว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะสินค้าที่มีคุณภาพ ความงามในที่นี้ไม่ได้หมายถึงงามแค่ใบหน้า skincare แต่มันงามด้วย healthy มันมีสุขภาพที่ strong ขึ้น มันคือความงามแบบองค์รวม จากภายในสู่ภายนอก ส่วนตัวเลย เมย์รู้สึกว่าธุรกิจนี้โคตรดีเลย ดีตรงไหน มันเป็นธุรกิจที่ส่งเสริมให้ชีวิตคนดีขึ้น เมื่อสุขภาพเราดี โอกาสและสิ่งอื่น ๆ ก็จะตามมาเอง จากใจเลยคือมันเป็นอย่างนั้น จริง ๆ ค่ะ คือมันเป็นเรา เราได้เรียนรู้ ถ้าวันนี้นะ เมย์รู้จัก supplement ก่อนที่จะมาเรียน หรือก่อนที่จะมาทำงาน ชีวิตฉันจะดีกว่านี้ หน้าฉันอาจจะไม่มีฝ้าขึ้น ฉันจะรู้จักทากันแดดตั้งแต่เด็ก ฉันจะรู้จักว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องเสริม โปรตีน เมตาบอไลท์ ทำไมฉันต้องกินโปรไบโอติก ทำไมฉันต้องกินโปรตีน มันมีความสำคัญยังไงในชีวิต และปัจจุบันมันคือสิ่งเราจะขาดไม่ได้หากอยากสวยแบบมีสุขภาพที่ดีเหมาะสมกับวัย และยิ่งกว่านั้น เมื่อเราสวย เรามีสุขภาพกายที่ดี มันย่อมจะส่งผลให้สุขภาพใจเราดีตามมาด้วย ซึ่งมันจะส่งผลดีทั้งตัวเราและผู้คนรอบข้าง เรียกได้ว่าสวยแบบองค์รวมจากภายในสู่ภายนอกกันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น คำว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะรีโว่เมด” เมย์ว่ามันไม่เกินจริงนะ

 

 “One Stop Solution” ถึงไม่ใช่แฟน แต่ก็ทำแทนให้หมด

มันตรง และมันใช่ มันครบมาก ๆ ก็คือถึงไม่ใช่แฟนก็ทำแทนได้ทุกอย่างจริง ๆ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ปกติโรงงาน OEM ทั่ว ๆ ไป ส่วนมากจะผลิตเสร็จ ส่งมอบสินค้าแล้วก็จบ อย่างเราบินไปเกาหลี บินไปอเมริกา เราเป็นผู้นำเข้าแบบนี้ใช่ไหมคะ เราไปโรงงานปุ๊บพอเค้าผลิตเสร็จ ส่งงานแล้วก็จบ ส่วนอย่างอื่นเค้าไม่ได้สนใจ เค้าไม่ได้สนใจว่าโลโก้คุณจะเป็นยังไง concept ดีไซน์คุณจะเป็นยังไง สารสกัดต่าง ๆ เหมาะสมไหม ดีไหม จะขายได้ไหม หรือบางทีคุณอาจจะต้องส่งสูตรให้เขาด้วยซ้ำ

 

แต่ที่ รีโว่เมด เราช่วยทำตั้งแต่คิด concept พัฒนาสูตรร่วมกับลูกค้า หาจุด Strong point นวัตกรรมเทคโนโลยี กระบวนการผลิต ดีไซน์ ออกแบบทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะแค่ผลิตสินค้าที่ดี มันไม่ได้หมายว่าคุณจะขายได้ คุณจะต้องมีแพ็กเก็ตจิ้งที่โดดเด่น สะดุดตา ดีไซน์โลโก้ที่มีเอกลักษณ์และสื่อตัวตนของแบรนด์ สามารถสะท้อนความเป็นแบรนด์นั้นมากที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยสนับสนุน แนะนำในเรื่องของการดำเนินงาน การบริหารจัดการ การตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เรียกได้ว่าเราช่วยตั้งแต่ลูกค้ายังไม่มีสินค้าไปจนกระทั่งการดูแลหลังการขาย อีกนิดนึงก็คงจะเป็นการป้อนข้าวป้อนน้ำแล้วล่ะค่ะ (หัวเราะ) เพราะเราทำทุกอย่างจริง ๆ แม้กระทั่งการถ่ายรูปสินค้า ถ่ายวิดีโอแพ็กช็อต เชื่อไหมคะว่าสินค้าแทบจะทุกตัว เมย์คือผู้กำกับที่อยู่ด้านหลังที่ช่วยกำกับเขา เขาพูดไม่ได้เราก็ซ้อมสคริปต์ให้เขา เราทำอย่างนั้นจริง ๆ รวมทั้งช่วยแนะนำจะวางสินค้าใน Channel ไหน ตัวแทน consult เรื่องราคาโครงสร้างของตลาด ระบบตัวแทนต้องเป็นแบบนี้ Channel ของการไลฟ์ขายต้องเป็นแบบนี้ ถ้าจะขายตรงละ MLM ต้องทำแบบไหนรูป แบบของการขายมันต่างกัน ขายทีวีละ ขายสื่อช่องทางไหน มันจะต่างกัน ซึ่งเราให้คำปรึกษาทั้งหมดทั้งมวลจริง ๆ นี่แหละค่ะคือเป็นองค์รวมที่เรากล่าวว่า “รีโว่เมด ไม่ใช่แฟน แต่ก็ทำแทนได้ทุกอย่าง”

 

รางวัลแห่งความภูมิใจ

ขออนุญาตเล่าเป็นสองส่วนนะคะ ส่วนแรกเลยก็คือที่เกี่ยวกับตัวเมย์เอง ก็มีหลายรางวัลที่ได้ในเรื่องของการเป็นนักธุรกิจหญิงยอดเยี่ยม และที่ได้รับล่าสุดเลยก็คือรางวัล PRAEW ICONIC ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงแบรนด์ต่าง ๆ ที่มีความโดดเด่นในด้านคอสเมติกและสกินแคร์ ในปี 2021

 

และส่วนที่สองคือส่วนของโรงงาน รางวัลล่าสุดก็ได้รับจาก PRAEW ICONIC เช่นกัน เป็นรางวัล The Best Factory โรงงานผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยอดเยี่ยม ปี 2021 ที่ผ่านมา ก็เป็นรางวันที่เราภาคภูมิใจมาก

 

นอกจากนี้ยังมีรางวัลสารสกัดยอดเยี่ยมที่เราได้จากทั่วโลกเลย ไม่ว่าจะเป็นเตตระ SOD , pycnogenal , Vistra Ceramide ก็ให้โทรฟี่มา จริง ๆ เราต้องไปรับรางวัลที่ต่างประเทศด้วย แต่ติดสถาการณ์โควิด-19 เลยไปรับไม่ได้ ในส่วนของปีนี้นั้น ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด สถานการณ์เป็นปกติ เราก็น่าจะได้ไปรับหลายรางวัลเลย

 

ซึ่งรางวัลเหล่านี้นอกจากจะเป็นเครื่องรับรองคุณภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าแล้ว รางวัลยังเป็นแรงขับเคลื่อนการทำงาน เป็นขวัญ และกำลังใจให้เรา ว่าสิ่งที่เราทำมันถูกแล้วนะ คุณมาถูกทางแล้ว อย่างเรื่องของสารสกัดเนี่ยปัจจุบันมีการฟ้องร้องโรงงานที่ไม่ได้ใช้สารและเอาเทรดมาร์คเค้าไปใช้เยอะมาก ๆ เราเนี่ยเป็นเหมือนคนที่ทำถูกต้อง ทำดี มีใบรับรองว่าคุณทำถูกและคุณเลือกใช้ของดี เพราะฉะนั้น ก็เป็นตัวการันตีและยืนยันสะท้อนให้กับต่างประเทศให้เค้ามองภาพลักษณ์ของคนไทยว่าไม่ได้ชอบละเมิดลิขสิทธ์อย่างที่เขาเข้าใจ ซึ่งนี่คืออีกเป้าหมายหลักเลยของเรา นั่นคือ การทำให้ทั่วโลกยอมรับและวางใจสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย ทำให้ทั่วโลกได้รู้ว่า สินค้าเครื่องสำอางและอาหารเสริมที่ Made in Thailand ก็ดีไม่แพ้ชาติใดในโลก

 

เคล็ดลับแห่งความสำเร็จ

เมย์เชื่อเสมอว่า “ความซื่อสัตย์ ความขยัน และความพยายาม สิ่งเหล่านี้ไม่เคยทรยศใคร” ไม่ว่าเราจะขยันอ่านหนังสือ ขยันทำงาน ขยันช่วยพ่อแม่ทำงาน มันให้ผลดีเสมอ และในการทำธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน สิ่งที่คุณจะขาดไม่ได้เลยก็คือความซื่อสัตย์ ถ้าคุณไม่ซื่อสัตย์กับลูกค้า ไม่ซื่อสัตย์กับผู้บริโภค ไม่ซื่อสัตย์กับคู่ค้า ไม่ซื่อสัตย์กับพนักงาน ธุรกิจคุณก็คงเติบโตได้ยาก

 

ที่สำคัญอีกอย่างคือ “ทำอะไรทำให้สุด ทำให้เต็มที่ กัดไม่ปล่อย ไม่ได้ไม่เลิก” อย่าให้เวลาผ่านไปแล้วเรามานั่งเสียดายว่า วันนั้นฉันทำได้ไม่เต็มที่ ถ้าฉันทุ่มเทมากกว่านี้มันก็คงจะดีกว่านี้ สิ่งหนึ่งที่เมย์อาจจะบอกทุกคนได้คือชีวิตผู้หญิงคนนี้ไม่เคยไม่สำเร็จ ถ้าได้ทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งเต็มที่แบบสุดความสามารถ พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าในชีวิตทำสำเร็จทุกอย่างนะ มีหลายอย่างเลยที่ทำไม่สำเร็จ แต่นั่นเป็นเพราะตัวเราเองทำไม่เต็มที่เองเลยไม่สำเร็จ เรารู้เลยว่า บทเรียนในเคสนี้คือเราทำไม่เต็มที่ เราไม่ทุ่มเทและมีวินัยมากพอ

 

การมีวินัยก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการทำงานให้สำเร็จ แม้ว่าการทำในสิ่งเดิม ๆ มันอาจจะรู้สึกเบื่อ แต่ถ้าเราไม่ทำจนช่ำชองและมีความชำนาญเราก็จะไม่เกิดความเป็นผู้เชี่ยวชาญ (Expertise) ทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ แต่อาจจะเปลี่ยนวิธีการ ถ้าเราเดินทางตรงแล้วไม่ไปถึงจุดหมาย เราอาจจะลองเลี้ยวซ้ายเพื่อหาทางใหม่ เพื่อให้ไปสู่เป้าหมายและความสำเร็จของเราก็ได้ ขอแค่ไม่หยุดเดิน ถ้าทำได้แบบนี้แล้ว เชื่อเมย์เถอะค่ะ วันนึง สปอตไลต์มันอาจจะส่องมาหาเราเอง ความสำเร็จจะแวะมาเคาะประตูบ้านเราเอง แค่ “ซื่อสัตย์ ขยัน มีวินัย ใส่ให้สุด” เมย์เชื่อว่าทุกคนทำได้ค่ะ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ