
เที่ยวนอกโซล(น) กับแหล่งท่องเที่ยวนอกกระแส
เที่ยวชมวัฒนธรรม วิถีชาวบ้านนอกเมืองหลวงของเกาหลีใต้ ทริปล่องใต้ไปยังแหล่งวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่มีภูมิปัญญาชาวบ้านของชนชาติเอเซีย ที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างน่าสนใจ
เกาหลีใต้ ยังเป็นดินแดนที่นักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความสนใจอยู่เสมอ วันนี้ คมชัดลึก ได้รับโอกาสจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (อสท.เกาหลี) หรือ Korea Tourism Organization (KTO) ชวนมาสำรวจเส้นทางล่องใต้ของเกาหลี เที่ยวชมวัฒนธรรมความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมของชนชาติเกาหลี เพราะฉะนั้นทริปนี้บอกได้เลยว่า เกาหลีไม่ได้มีดีแค่เครื่องสำอางและ KPOP แต่ทว่ายังมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงถึงกันในภูมิภาคเอเซียอีกด้วย
ผมเคยมาเกาหลีใต้ครั้งแรกก่อนเกิดโควิด 19 ครั้งนั้นผมมีโอกาสไปจังหวัดโกยาง แล้วกลับมาใช้ชีวิตแบบนักท่องเที่ยวสายชอปปิงในกรุงโซล ตัดสลับไปมาระหว่างโกยางและโซลอยู่หลายวัน จนคิดไว้ว่าถ้ามีโอกาสอีกครั้ง ขอไปยังที่เที่ยวนอกกระแสบ้าง จนถึงวันที่ได้รับคำเชิญจึงตกปากรับคำทันที ทางอสท.เกาหลี อยากเชิญชวนคนไทย ให้กลับมาเดินทางท่องเที่ยวได้อีกครั้ง ไปยังดินแดนที่ทุกคนรู้จักคุ้นเคย แต่บางที่บางแห่งอาจเพียงแค่รู้แต่ไม่เคยเห็น
ทริปนี้ เราเริ่มจากการพักที่กรุงโซลก่อนหนึ่งคืน จากนั้นเราจึงออกเดินทางไล่ลงไปตามลำดับ และในวันท้าย ๆ ของทริป เรากลับมาเที่ยวที่โซลอีกหนึ่งวัน แล้วปิดทริปที่อินชอนเพื่อที่ว่าการเดินทางกลับบ้านเกิดน่าจะง่ายขึ้นสำหรับเดินทางมาขึ้นเครื่องบิน
เมือง JEONJU
จ็อนจูเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดจอลลาบุกโด จากกรุงโซลมาช็อนจูมีระยะทาง โดยประมาณ 190 กิโลเมตร แนะนำให้นั่งรถไฟ ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า ก็จะถึงที่หมาย ที่นี่มีหมู่บ้านโบราณที่นักท่องเที่ยวชาวไทยรู้จักเป็นอย่างดี มีบ้านกว่า 800 หลัง ที่ต่างปรับปรุงให้เป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านเช่าแต่งชุดฮันบก และมีทั้งที่ปรับปรุงให้เป็น คาเฟ่ อยู่หลายแห่ง หมู่บ้าน Jeonju Hanok Village มาพร้อมประสบการณ์การแต่งกายประจำชาติด้วยชุดฮันบกเดินถ่ายรูปรอบ ๆ หมู่บ้านที่มองดูแล้ว วัฒนธรรมการแต่งกายแบบดั้งเดิมที่นี่ก็คงไม่ต่างจากบ้านเราเท่าไหร่นัก ที่นักท่องเที่ยวแต่งชุดไทยเดินไปถ่ายรูปตามวัดวัง
นอกจากนี้ สำหรับใครที่ชื่นชอบในเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลแล้วละก็ ต้องไม่พลาดที่จะมาเยี่ยมชม Jeonju Korean Traditional Wine Museum ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรีเรียนรู้ถึงถึงสุราชนิดต่าง ๆของเกาหลี พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านของชาวเกาหลี พร้อมทั้งสอนการทำสุราหมักแบบง่าย ๆ และถ้าใครสนใจอยากเรียนจะมีค่าเรียน 7000 วอน ใช้เวลาเพียง 20 นาที
ในละแวกใกล้เคียงยังมีศาลเจ้าชื่อดัง ศาลเจ้าคยองกีจอน ภายในศาลเจ้ามีภาพของของกษัตริย์แทโจผู้เป็นปฐมบรมกษัตริย์ แห่งราชวงศ์โชซอน
ส่วนที่พักนั้นบอกเลยไม่ธรรมดา กับค่ำคืนนี้ เข้าพักที่ Royal Room of King โรงแรมที่อลังการมากด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามราวกับพระราชวัง แขกที่เข้าพักจะได้รับการต้อนรับเหมือนเป็นราชวงศ์ โรงแรมสไตล์ฮันอกนี้ ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านจอนจูฮันอก มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยและตั้งอยู่ในสถานที่เงียบสงบล้อมรอบด้วยภูเขา สามารถรองรับแขกได้ 232 คน โรงแรม 64 ห้องประกอบด้วยศูนย์การประชุมที่ทันสมัย ห้องสัมมนาสไตล์ฮันอก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านสะดวกซื้อ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการสำหรับการประชุมทางธุรกิจ
Gwangju
ควังจู เป็นเมืองใหญ่ อับดับที่ 6 ของประเทศเกาหลีใต้ มีฐานะเป็นมหานครขึ้นโดยตรงกับกระทรวงมหาดไทย เมืองควังจูเคยเป็นเมืองหลวงของจังหวัดจอลลาใต้ จนกระทั่งศาลากลางจังหวัดได้ย้ายไปยังหมู่บ้านนามัค ในเมืองชนบทมูอัน ในปี 2548 ที่เมืองนี้มี Asia Culture Center ACC ซึ่งเป็นองค์กรแลกเปลี่ยนศิลปะและวัฒนธรรมระหว่างประเทศ รองรับผลงานใหม่ ๆ ผสมผสานวัฒนธรรมและศิลปะในอดีตและปัจจุบันของเอเชียเข้ากับแนวคิดและความเชื่อที่สร้างสรรค์ ACC เปิดในเดือนพฤศจิกายน 2558 โดยมีภูมิหลังเป็นศิลปะที่สื่อถึงความหมายของสิทธิมนุษยชนและสันติภาพของขบวนการประชาธิปไตย 18 พฤษภาคม ส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกันผ่านการแลกเปลี่ยน การศึกษา และการวิจัยเกี่ยวกับวัฒนธรรมเอเชีย และเป็นสมาชิกของกระทรวง วัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว จัดตั้งขึ้นเพื่อเติบโตไปพร้อมกับประเทศในแถบเอเชีย ACC ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มแบบบูรณาการที่ผู้เข้าร่วมจากทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งเอเชีย สามารถประสานและแบ่งปันความคิดได้อย่างอิสระแบบไร้พรมแดนในขั้นตอนของการวิจัย - การสร้าง - การผลิต
ACC ประกอบด้วยศูนย์ 5 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ประชาธิปไตยและสันติภาพ ศูนย์ข้อมูลวัฒนธรรม ศูนย์สร้างสรรค์วัฒนธรรม โรงละครศิลปะ และศูนย์วัฒนธรรมเด็ก โปรแกรมที่หลากหลายและไม่หยุดนิ่ง (นิทรรศการ การแสดง การศึกษา เทศกาล และอื่นๆ ) จัดขึ้นตลอดทั้งปี นอกจากนี้ พื้นที่กลางแจ้ง เช่น Asia Culture Plaza, Sky Madang และ Open Courtyard รวมถึงสวนบนพื้นดินในธีม 'Forest of Light' เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเป็นพื้นที่พักผ่อนในใจกลางเมือง
Yeosu
ยอซู เมืองชายทะเลที่มีอากาศและบรรยากาศดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบทะเล จะว่าไปเมืองนี้มีความพยายามที่จะให้เป็นเมืองแห่งการจัดงาน EXPO โดยมี Yeosu EXPO Convention Center & Arte Museum Yeosu เป็นศูนย์กลาง คล้ายเมืองโกยางที่มีคินเท็กซ์เป็นศูนย์กลางในการจัดงานแสดงสินค้า นอกจากมีสถานที่จัดงานแสดงสินค้าที่ใหญ่โตแล้ว วิถีของชาวเมืองชายทะเลยังเป็นชีวิตที่น่าอิจฉากับสภาพแวดล้อมที่ชวนให้ทุกคนออกมาใช้ชีวิตกลางแจ้งเป็นอย่างมากจากที่พักจะเห็นได้ว่ามีเส้นทางวิ่งข้ามไปยังเกาะโอดง ระยะทางประมาณ 800 เมตร
Suncheon
ซุนชอนเป็นเมืองเกษตรกรรม มีธรรมชาติที่งดงาม และมีหมู่บ้านเก่าที่ชื่อว่า หมู่บ้านพื้นเมืองนากานอึบซอง Naganeupseong Folk Village เป็นหมู่บ้านที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ที่มีผู้อาศัยอยู่จริง เหมือนในอดีต บ้านมุงด้วยกกแห้งของโชซอน ที่เรียกว่า
“โชกาจิบ” (Chogajip) มองเผิน ๆ มีความคล้ายหลังคาจาก บ้านเราเหมือนกัน
นอกจากนี้ยังมี Suncheonman Bay Nature Reserve พื้นที่ชุ่มน้ำ ป่าชายเลนของซุนชอนนับว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่ควรมาเยี่ยมชมอย่างมาก ที่นี่มีเส้นทางเดินป่า ระยะทางสั้น ๆ ไปยังจุดชมวิว ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของที่นี่คือเกาหลีมีความใส่ใจในภาคประชาชนเป็นอย่างมากที่จะให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงธรรมชาติ ได้ง่ายขึ้น ให้เรียนรู้ถึงระบบนิเวศ ทำให้ประชาชนรักและหวงแหนธรรมชาติ ด้วยการชวนให้ทุกคนออกมาใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติในขณะเดียวกันเขาก็ทำการอนุรักษ์ไปพร้อมกันด้วย
SEOUL
แน่นอนนี่คือเมืองหลวงที่ไม่ยอมหลับใหล ที่สายแฟชั่น สายบิวตี้ชื่นชอบเป็นพิเศษ อย่างที่บอกไปที่นี่ไม่ได้มีดีแค่นั้น National Museum of Korea นับว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ควรมาชมดูศิลปะ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเกาหลีเป็นพิพิธภัณฑ์หลักของประวัติศาสตร์และศิลปะเกาหลีในเกาหลีใต้และเป็นองค์กรทางวัฒนธรรมที่เป็นตัวแทนของเกาหลี นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2488
INCHEON
วันสุดท้ายของทริปเราส่งท้ายกันที่อินชอน เมืองใหม่ที่กำลังมีการพัฒนารองรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก มีทั้งคาเฟ่เท่ ๆ ที่พักสวย ๆ สถานที่แสดงงานสินค้า งาน มหกรรมแสงสีเสียง ต่าง ๆ ก็มีความพยายามที่จะให้เกิดขึ้นที่นี่ จะว่าไปที่นี่จัดว่าเป็นเมืองอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งของเกาหลีใต้เลย ข้าวของเครื่องใช้หลาย ๆ อย่างล้วนผลิตขึ้นจากเมืองนี้ และเมื่อมาถึงอินชอน แน่นอนว่าคาเฟ่ชื่อดังที่ไม่แวะมาไม่แล้ว นั่นคือ COSMO40 (urban regeneration) คาเฟ่ที่นำเอาโรงงานผลิตสารเคมีมาทำเป็นคาเฟ่
ส่วนใครที่อยากชมวิวจากมุมสูงแนะนำให้ขึ้นมาชั้น 65 ของโรงแรม Oakwood Premier Incheon Panoramic 65 บุคคลทั่วไปสามารถขึ้นมารับประทานอาหารบนชั้น 65 ได้พร้อมชมวิวเมืองไปในตัว
และในที่สุด เรามาร่ำลาและนอนส่งท้ายกันที่ Paradise City 2Cimer Wellness Experience โรงแรมที่มีทุกอย่างจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นซาวน่า คาสิโน สวนสนุก อาร์ตแกลลอรี่ พร้อมมาก ใครที่ยังหาซื้อของฝาก คนทางบ้านไม่ครบก็สามารถจบได้ที่นี่ ข้อดีอีกอย่าง คือพอถึงเวลาจะมาสนามบินอินชอนทางโรงแรมมีรถรับส่งฟรีอีกด้วย
นี่เป็นเพียงบทความที่แนะนำเส้นทางที่หลายคนรู้จัก แต่อาจจะยังไม่เคยไปสัมผัส สำหรับผู้เขียนเองนั้น หลังจากที่ไปมาแล้ว ขอแนะนำว่า ถ้าคุณต้องการความแตกต่างในชีวิตการเดินทาง ต้องลองมาเส้นทางที่แนะนำนี้ครับ ไม่ต้องเที่ยวตามใคร แค่เที่ยวตามใจตัวเองก็พอครับ การเดินทางแต่ละจุด สามรถเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงซึ่งระบบคมนาคมของเกาหลีเชื่อมโยงถึงกันหมด สะดวกมาก
ขอบคุณ
MICE Planning & Coordination Team, MICE Bureau
Korea Tourism Organization (KTO)