เปิดราคาค่าตัวรถแข่ง MotoGP ว่าทำไมถึงแพง

ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อความอยู่รอด ไม่เว้นแม้แต่รายการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกอย่างรายการ MotoGP ที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนหลายหมื่นหลายพันล้านบาทต่อปี ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ทำให้แต่ละทีมสูญเสียในส่วนของรายได้ที่จะนำมาพัฒนาตัวรถแข่งตนเองไปไม่น้อย ทางผู้จัดการแข่งขันก็ได้รับผลกระทบโดยตรงเพราะไม่มีรายได้จากการจำหน่ายตั๋ว รวมถึงรายได้จากส่วนอื่นก็ลดน้อยลง การแข่งขันรายการต่อไปต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวโดยออกกฎให้หยุดการพัฒนาเครื่องยนต์และทีมใหญ่ช่วยสนับสนุนเงินบางส่วนให้กับทีมเล็ก ๆ ที่ประสบปัญหาทางด้านการเงินอยู่ในขณะนี้ 

วันนี้เราจะนำเรื่องราวของมูลค่ารถแข่งในรายการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกหรือ MotoGP มานำเสนอกันครับ แน่นอนรถแข่งถือว่าเป็นหัวใจหลักของรายการแข่งขัน การที่รถแต่ละทีมแต่ละคัน จะมีตัวแข็งที่เพอร์เฟคได้นั้นล้วนต้องมีเงินเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนหากมีเงินคุณก็สามารถจ้างวิศวกรหัวกะทิที่มีค่าตัวเรทราคาสูงเข้ามาสร้างและพัฒนารถแข่งให้กับคุณได้ อีกทั้งอุปกรณ์และชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ใช้ในตัวรถก็ต้องเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในด้านนั้น ๆ แน่นอนว่าราคาก็ต้องสูง เช่นเดียวกัน ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการสร้างนวัตกรรมรถแข่งก็ต้องสูงตามไปด้วย ทั้งนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนเพราะการอยู่บนจุดสูงสุดของเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ รวมถึงนวัตกรรมหลายตัวเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของนักพัฒนาตัวแข่ง เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นต้องพัฒนาอยู่ตลอดเวลาไม่สามารถบอกเป็นตัวเลขแบบเป๊ะ ๆ ถ้าเรามองจากหน้าจอทีวีและลองตีราคาในใจต่อรถแข่งคันนี้ต้องมีราคาที่สูงลิบลิ่วอย่างแน่นอน และอย่างที่กล่าวว่า ถ้าเราดูจากภาพและสิ่งที่เห็นทางจอโทรทัศน์ ก็น่าจะประเมินได้คร่าว ๆ ดังนี้

 

เครื่องยนต์ 4 จังหวะพิกัด 1000cc ที่ใช้ในตัวแข็ง RC 213v รุ่นท็อปคลาสอย่าง MotoGP นั้นมีมูลค่าสุทธิอยู่ที่ 2 แสนยูโรถึง 2.5 หมื่นยูโรต่อ 1 เครื่องยนต์คิดเป็นเงินไทยได้ราว ๆ เกือบ 7.6 ล้านบาท ถึง 9.7 ล้านบาท ซึ่งนักแข่ง 1 คนจะมีเครื่องยนต์ไว้ใช้งานทั้งหมด 5 เครื่องต่อหนึ่งฤดูกาลถ้าเราลองบวกลบคูณหารดูแล้วต้องบอกว่าเป็นราคาที่สูงมาก ๆ ราคานี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในอุปกรณ์ส่วนอื่นบนตัวแข่ง ที่แต่ละทีมจะต้องจ่ายเพื่อให้ตัวแข่งมีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด 

ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในตัวแข่ง RC 213v กันบ้างไม่ว่าจะเป็นระบบสมองกล ECU เซ็นเซอร์ต่างๆที่มีอยู่ในตัวรถ 30-40 ตัว ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ต่างๆในตัวรถทั้งหมดนี้มีราคารวมกันอยู่ที่ 100,000 ยูโรหรือประมาณ 3.8 ล้านบาท ซึ่งหากเราจะแยกย่อยลงไปในรายละเอียดและราคาสายเคเบิลของเซ็นเซอร์ที่อยู่ในตัวรถก็ปาเข้าไป 2500 ยูโรหรือประมาณ 90,000 บาทแล้วและราคาที่ต่ำที่สุดของระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในตัวแข็งนั้นจะมีราคาอยู่ที่ 1000 ยูโร หรือประมาณ 38,000 บาทเลยทีเดียว 

ระบบเบรคโดยความต้องการระบบเบรคที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานสูงแลกมาด้วยเรทราคาที่สูงเช่นเดียวกัน ถึงแม้นว่าจะมีกฎออกมาบังคับใช้โดยแต่ละทีมนั้นจะสามารถใส่ของแต่งในส่วนของเบรคได้สูงสุดแค่ ไม่เกิน70,000 ยูโร หรือประมาณ 2.5 ล้านบาท ที่ต้องบอกว่าคุ้มค่ากับราคามาก ๆ เมื่อเทียบกับการใช้งานแบบบ้าระห่ำในการแข่งขัน 1 สนาม นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่แพงหูดับเช่นเดียวกันนั่นก็คือ

ระบบช่วงล่างโช๊คอัพหน้าและหลังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทโอลีนถนนราคาที่ต้องจ่ายคร่าว ๆ อยู่ที่ประมาณ 80,000 ยูโร หรือราว ๆ 3 ล้านบาทต่อโช๊คหน้า 1 คู่ ค่าใช้จ่ายในส่วนต่อมาคือชิ้นส่วนที่ใช้ในการประกอบ ตัวแข่งนั่นคือ

 

แฟริ่งทั้งหมด ที่ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ น้ำหนักเบา ที่ประเมินราคาคร่าว ๆได้ 2 ยูโร ต่อน้ำหนัก 100 G. อีกทั้งยังมีชิ้นส่วนอลูมิเนียม แมกนีเซียม ที่ใช้เป็นส่วนประกอบของตัวรถที่มีราคาสูงไม่แพ้กัน ส่วนของขอบล้อที่ใช้แมกนีเซียมเป็นวัสดุหลักก็มีมูลค่า 4,000 ยูโรต่อชิ้น หรือประมาณ 147,048 บาท อุปกรณ์อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ

 

ยางรถ ซึ่งเนื้อยางต้องมีคุณสมบัติพิเศษเนื้อยางที่นุ่มกว่าปกติ มีความสามารถยึดเกาะสูง ที่มีมูลค่าประมาณ 4.5 แสนบาทต่อยางหนึ่งชุด ยังไม่หมดแค่นั้น ยังมี

ค่าใช่จ่ายส่วนเบ็ดเตล็ดที่ทางทีมต้องเตรียมไว้อย่างน้อย อีก 7-8 แสนบาท ต่อครั้ง และถ้าจะรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการสร้างรถแข่ง MotoGP หนึ่งคันจะอยู่ที่ประมาณ 60 -70 ล้านบาทกันเลยทีเดียว

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับราคารถแข่งหนึ่งคัน ที่แต่ละทีมผลิตและสร้างขึ้นมาบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ ครับ 

 

 

ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก https://www.facebook.com/hondateamasia/photos