Lifestyle

๑๐๕ สะพาน รัษฎาภิเศก สะพานคอนกรีตสีขาวที่อยู่คู่ลำปาง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หากคุณมีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวที่ลำปาง อย่าลืมแวะชมความงามของลำน้ำวัง และความคลาสสิกของสะพาน รัษฎาภิเศก

เดินทางมาจังหวัดลำปางก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยเลยที่จะแวะเที่ยวชมความงดงามของลำน้ำวัง ที่มีสะพานรัษฎาภิเศก สีขาว คลาสสิกทอดข้ามผ่าน มองจากที่ไกล ๆ ก็สวย ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งเหมือนย้อนอดีตไปเป็นคนสมัยก่อน 

๑๐๕ สะพาน รัษฎาภิเศก สะพานคอนกรีตสีขาวที่อยู่คู่ลำปาง

สะพานเก่าเมื่อก่อน

 

สะพานรัษฎาภิเศก รุ่นแรกนั้นเป็นสะพานไม้สร้างในสมัยเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต  เจ้าของนครลำปางองค์สุดท้าย  เพื่อเชื่อมการปกรองแขวงหัวเวียง  (สวนดอก) กับแขวงเวียงเหนือเข้าด้วยกัน  โดยสร้างเสร็จในปี พ.ศ.  ๒๔๓๖ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่  ๕ นับเป็นสะพานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเลยทีเดียว  คือยาวถึง  ๑๒๐  เมตร ชวนให้นึกถึงความกว้างอลังการของแม่น้ำวังสมัยก่อน อีกทั้งเข้าใจว่าชื่อรัษฎาภิเศกนี้มีที่มาจากการสร้างสะพานเพื่อน้อมเกล้าฯ
ถวายเป็นที่ระลึกในงานพระราชพิธีรัชดาภิเษกรัชกาลที่  ๕  ซึ่งพระองค์ท่านก็ได้พระราชทานนาม  “รัษฎาภิเศก”  ให้กับสะพานแห่งนี้

๑๐๕ สะพาน รัษฎาภิเศก สะพานคอนกรีตสีขาวที่อยู่คู่ลำปาง


สะพานไม้รุ่นแรกพังลงในปี  พ.ศ. ๒๔๔๔ เพราะทนแรงกระแทกจากท่อนซุงจำนวนมหาศาลยามน้ำหลากไม่ไหวเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิตจึงต้องมีจดหมายไปถึงกระทรวงมหาดไทย ขอพระราชทานเงินมาสร้างสะพานขึ้นใหม่เป็นรุ่นที่สอง ครั้งนี้
สะพานรัษฎาภิเศกเป็นสะพานไม้เสริมเหล็ก  ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าสร้างเสร็จเมื่อใด มีก็แต่เพียงหลักฐานจากกรมโยธาธิการว่าพระเจ้าลูกยาเธอ  กรมหมื่นนครไชยศรีสุรเดช  เสด็จมาเปิดสะพานเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ.๒๔๔๘

สะพานกับกาลเวลา

 

อย่างไรก็ตาม  สะพานรัษฎาภิเศกรุ่นที่สอง พังลงอีกในปี  พ.ศ.  ๒๔๕๘  ด้วยประสบปัญหาแบบเดิม  คือผุกร่อนไปตามกาลเวลากอปรกับไม่อาจต้านทานซุงที่ไหลมากับกระแสน้ำได้ วิศวกรกระทรวงคมนาคมที่ไปตรวจดูสะพานรัษฎาภิเศกพบว่าเดือยตัวไม้สำคัญของสะพานผุเปื่อยจนไม่อาจซ่อมแซมได้  จึงมีการเสนอขึ้นไปถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่  ๖  ว่า  “ควรทำอย่างแฟโรกอนกริตเสียทีเดียว” ซึ่งพระองค์ก็ทรงเห็นด้วยเนื่องจากทรงเล็งเห็นว่าสร้างด้วยคอนกรีตนั้นจะมั่นคงถาวรในระยะยาวกว่า การสร้างสะพานรุ่นที่สามเดินหน้าในปี  พ.ศ.  ๒๔๕๙  โดยมีพลเอก  พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยากำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นผู้ควบคุมดำเนินการก่อสร้าง  ใช้แรงงานคนในท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่  ส่วนบริษัทและวิศวกรผู้ควบคุมเป็นของเยอรมนี ในที่สุด สะพานรัษฎาภิเศกรุ่นที่สามก็สร้างเสร็จในปี  พ.ศ.  ๒๔๖๐  เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กทาสีขาวโดดเด่นสะดุดตาด้วยรูปทรงโค้งคันธนูรวม  ๔  โค้ง ตั้งขวางเต็มลำน้ำ  ทั้งยังมีสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงความเป็นมาอยู่หลายประการ เสาสี่ต้น  ซึ่งตั้งอยู่ตรงหัวสะพานฝั่งละสองต้น  เปรียบดังความมั่นคงแข็งแรงและสง่างาม พวงมาลายอดเสา  บนยอดเสาทั้งสี่ด้านของเสาทั้งสี่ต้น  เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิการของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่  ๕ ครุฑหลวงสีแดง  ประดับอยู่กลางเสาด้านหน้าทุกต้น  ทั้งสองฝั่งหัวสะพาน  บ่งบอกถึงตราสัญลักษณ์แห่งแผ่นดินสยามสมัยรัชกาลที่  ๖ ไก่หลวง  หรือไก่ขาว  ที่ประดับตรงกลางเสาด้านข้างทุกต้น  ทั้งสองฝั่งหัวสะพาน  คือสัญลักษณ์ประจำนครลำปาง สื่อถึงสมัยเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต คำว่า  “มีนาคม  ๒๔๖๐”  กลางเสาด้านในทุกต้น ทั้งสองฝั่งหัวสะพาน  บอกถึงวันที่สะพานแล้วเสร็จ

๑๐๕ สะพาน รัษฎาภิเศก สะพานคอนกรีตสีขาวที่อยู่คู่ลำปาง

๑๐๕ สะพาน รัษฎาภิเศก สะพานคอนกรีตสีขาวที่อยู่คู่ลำปาง

๑๐๕ สะพาน รัษฎาภิเศก สะพานคอนกรีตสีขาวที่อยู่คู่ลำปาง

 

คำว่า  “สะพานรัษฎาภิเศก”  ตรงกลางคานเชื่อมโค้งสะพานคู่แรกทั้งสองฝั่งหัวสะพาน  บ่งบอกถึงการได้รับพระราชทานนามนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สะพานรัษฎาภิเศกก็ยืนหยัดอยู่เหนือแม่น้ำวังอย่างมั่นคง  พาตัวเองผ่านพ้นวิกฤตมาอย่างโชกโชน ทั้งเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี  พ.ศ.  ๒๔๖๓ ที่ท่อนซุงจำนวนมหาศาลทะยานไหลมากับสายน้ำเชี่ยวกราก  ครั้นเมื่อเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิตทรงตัดสินใจที่จะระเบิดสะพานทิ้ง  ระดับน้ำก็กลับลดลงเรื่อย ๆ และอีกครั้งช่วงสงครามโลกครั้งที่  ๒  ราวปี  พ.ศ.  ๒๔๘๕ – ๒๔๘๘  ครูลูซี  สตาร์ลิง  ผู้อำนวยการโรงเรียนวิชชานารี  ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายสัมพันธมิตร ได้ขอยกเว้นการทำลายสะพานรัษฎาภิเศก โดยเธอให้เหตุผลว่าจุดนี้มีเพียงทหารญี่ปุ่นที่เป็นเสนารักษ์และเป็นย่านโรงพยาบาล  ไม่มีผลทางยุทธศาสตร์ใด ๆ สะพานรัษฎาภิเศกจึงรอดพ้นการทิ้งระเบิดมาได้  แต่ก็ยังโดนกระสุนปืนจากเครื่องบินอยู่บ้าง

 

เรื่องและภาพ : อำนาจ ดวงใย 
https://www.facebook.com/amnas.doungyai

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ