ไลฟ์สไตล์

"ตรามงกุฎ" สุดยอดปุ๋ยครบสูตร
อีกก้าวผู้นำตลาด "ปุ๋ยเคมี" ไทย

"ตรามงกุฎ" สุดยอดปุ๋ยครบสูตร อีกก้าวผู้นำตลาด "ปุ๋ยเคมี" ไทย

04 มี.ค. 2553

ใช้เวลาเพียงปีเศษปุ๋ยน้องใหม่อย่าง "ปุ๋ยตรามงกุฎ" ก็ไต่อันดับขึ้นแถวหน้าของบรรดากลุ่มธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยเคมีไทย หลังมีความพร้อมครบถ้วนทุกด้าน และข้อได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต การจัดซื้อวัตถุดิบและยัง มีโรงงานเป็นของตนเองบนเนื้อที่กว่า 150 ไร่ใน อ

   วุฒิพงษ์ หวังสันติธรรม กรรมผู้จัดการบริษัท เทอราโกร เฟอร์ติไลเซอร์ จำกัด เผยว่าใน ปี 2553 นี้นับเป็นโอกาสทองของตลาดปุ๋ย เนื่องจากปีที่แล้วเป็น “ขาลง” สำหรับประเทศไทย  จากข้อมูลของกรมวิชาการเกษตรที่ระบุว่าปกติประเทศไทยมีการใช้ปุ๋ยเคมีสูงถึง 4 ล้านตันต่อปี แต่ในปีที่ผ่านมา เราใช้ปุ๋ยเพียง 3.8 ล้านตันเท่านั้น ซึ่งในตัวเลขนี้ เป็นยูเรียถึง 2.4 ล้านตัน คิดเป็นการใช้ยูเรียมากขึ้นกว่าปี 2551 ถึง 40% การใช้ปุ๋ยที่ลดลงและในสัดส่วนที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมในปีก่อน ส่งผลให้ธาตุอาหารในดินไม่เพียงพอ

 "จากภาวะราคาปุ๋ยที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในปีที่แล้ว ทางผู้ซื้อก็ไม่ซื้อสินค้าเก็บไว้  ผู้ขายก็ไม่สามารถขายสินค้าได้ ดังนั้นในปีนี้ แต่ละประเทศจึงไม่มีปุ๋ยอยู่ในสต็อกเลย ทำให้ความต้องการปุ๋ยมีมากขึ้น  ราคาปรับขึ้นอย่างเร็ว และแรง ดังนั้น หากมองในแง่ของอุปสงค์อุปทานแล้ว ปีนี้นับได้ว่าเป็นขาขึ้นของตลาดปุ๋ย” วุฒิพงษ์ตั้งข้อสังเกต

 เขาย้ำอีกว่า นอกจากนี้แล้ว เกษตรกรไทยก็มีปัจจัยที่ทำให้ต้องใช้ปุ๋ยมากขึ้น เนื่องจากความต้องการผลผลิตในแง่ของการส่งออกมีมากกว่าเดิม เพราะประเทศคู่แข่งของเรา เช่น เวียดนาม อินเดีย ฟิลิปปินส์ ล้วนแล้วแต่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม และพายุ เป็นต้น ราคาสินค้าเกษตรก็มีการปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ชาวนา ชาวไร่หันมาปลูกพืชนอกฤดูกาลมากขึ้น  นอกจากนี้ ในฐานะประเทศผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลกอย่างประเทศไทย จึงมีความจำเป็นต้องผลิตอาหาร หรือ เพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้นเป็นการทดแทน ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นช่องว่างทางการตลาดที่เป็นโอกาสของปุ๋ยตรามงกุฎทั้งสิ้น

 “ประเทศไทยมีผู้ผลิตปุ๋ยปั้นเม็ดอยู่น้อยราย การที่เรามีโรงงานผลิตปุ๋ยปั้นเม็ดเป็นของตัวเองทำให้มีความได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต และจัดซื้อวัตถุดิบ เป็นที่ยอมรับกันว่า ปุ๋ยปั้นเม็ด ให้ธาตุอาหารครบถ้วนในเม็ดเดียว ต่างกับปุ๋ยผสม ซึ่งเป็นการคลุกเคล้าธาตุอาหารต่างๆ ไม่ใช่เป็นการบด ผสม และ ปั้นเป็นเม็ด การผลิตปุ๋ยผสมจึงไม่มีความซับซ้อน ทำให้ราคาต่ำและพืชจะไม่ได้ธาตุอาหารครบถ้วน ดังที่เกิดปัญหาปุ๋ยปลอมในปัจจุบัน นอกจากนี้เรายังสามารถผลิตปุ๋ยสูตรต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ครบทุกสูตรสำหรับพืชเศรษฐกิจหลักๆ  ทั้งหมดคือข้อได้เปรียบของปุ๋ยตรามงกุฎ”

 บอสใหญ่เทอราโกร เฟอร์ติไลเซอร์ย้ำด้วยว่า บริษัทฯ จะสร้างแบรนด์ด้วยกลยุทธ์ผู้นำ ก็เพราะถ้าเข้ามาอย่างผู้ตาม ก็คงไม่มีกำลังพอที่จะสามารถมอบสิ่งที่มีคุณค่าให้แก่ผู้บริโภค ดังนั้นจึงมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพและนวัตกรรม ไม่ว่าในด้านการผลิต การบริหารจัดการ และการทำตลาด ทั้งนี้เพื่อต้องการที่จะทำให้เกษตรกรตระหนักถึงการใช้ปุ๋ยเคมีอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี และ มีต้นทุนที่ไม่สูงเกินไปและมั่นใจว่าในปี 2555 ปุ๋ยตรามกุฎจะก้าวสู่เป็นผู้นำ 1 ใน 3 ตลาดปุ๋ยของไทยอย่างแน่นอน

 ปัจจุบันบริษัท เทอราโกร เฟอร์ติไลเซอร์ จำกัดดำเนินการผลิตปุ๋ยเคมี ภายใต้แบรนด์ “ตรามงกุฎ” โดยมีโรงงานของตัวเอง ที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา มีกำลังการผลิตปุ๋ยปั้นเม็ด ปีละกว่า 2.5 แสนตัน และสามารถขยายกำลังการผลิตได้สูงสุดถึงปีละ 1 ล้านตัน บนเนื้อที่ 150 ไร่  จึงสามารถรองรับการขนถ่ายวัตถุดิบจากต่างประเทศ และจัดส่งผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดภายนอก นอกจากนี้ยังมีโกดังวัตถุดิบขนาดใหญ่ ทำให้สามารถบริหารต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบได้เป็นอย่างดี 

"สุรัตน์ อัตตะ"