Lifestyle

"มะเร็งสมอง" รุมเร้าพระเอกดัง "สรพงษ์ ชาตรี" เช็คอาการ แบบไหนส่งสัญญาณเตือน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทำเอาบรรดาแฟนๆ ตกอกตกใจไปตามๆ กัน เมื่อได้ยินข่าวพระเอกรุ่นใหญ่วัย 71 ปี “เอก” สรพงษ์ ชาตรี เป็น “มะเร็งสมอง” แต่หลายคนคงยังไม่รู้ว่าโรคนี้เกิดจากสาเหตุอะไร อาการเป็นอย่างไร และมีแนวทางการรักษาอย่างไรได้บ้าง ซึ่งวันนี้ คมชัดลึกออนไลน์ จะพาไปทำความรู้จักโรคนี้กันค่ะ

“มะเร็งสมอง” คือโรคที่เกิดจากเนื้องอกที่เป็นเนื้อร้ายบริเวณสมอง และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเกิดขึ้นเองที่เนื้อเยื่อสมอง หรือจากการลุกลามของมะเร็งจากอวัยวะอื่น มีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดโรคมะเร็ง เช่น การสัมผัสสารเคมี การสูบบุหรี่ หรือประวัติการเกิดโรคมะเร็งของสมาชิกในครอบครัว ส่งผลต่อร่างกายและการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ปวดศีรษะ เป็นลม คลื่นไส้อาเจียน ปัญหาด้านการทรงตัว ความคิด สติปัญญา ความทรงจำ การพูด การมองเห็น บุคลิกภาพ และอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต

 

 

สาเหตุของ "มะเร็งสมอง"

มะเร็งสมองเป็นเนื้องอกอันตรายที่มีการเจริญเติบโตของเซลล์ในลักษณะที่ผิดปกติ หรือที่เรียกว่า เซลล์มะเร็ง โดยอาศัยเลือดและสารอาหารจากร่างกายไปหล่อเลี้ยง อาจเกิดขึ้นที่บริเวณสมอง หรือเกิดจากมะเร็งที่ลุกลามหรือกระจายมาจากอวัยวะอื่น เช่น ปอด เต้านม ไต ลำไส้ใหญ่ หรือผิวหนัง เนื้องอกที่มีเซลล์มะเร็งจะเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว สามารถแพร่กระจายและทำลายเนื้อเยื่อดีในบริเวณรอบข้าง มีโอกาสกลับมาเป็นได้อีกถึงแม้เคยผ่านการรักษามาแล้ว และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 

ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่ามะเร็งสมองเกิดจากสาเหตุใด มีเพียงปัจจัยต่างๆ ที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งสมองได้ เช่น

 

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น
  • พฤติกรรมการสูบบุหรี่มาเป็นเวลานาน
  • มีประวัติการเกิดโรคมะเร็งสมองกับสมาชิกในครอบครัว
  • เป็นโรคมะเร็งในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายที่สามารถแพร่กระจายมายังสมองได้ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งไต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ รวมถึงมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา
  • การติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น เชื้อไวรัสเอชไอวี
  • การสัมผัสสารกัมมันตภาพรังสี สารเคมี รวมไปถึงยากำจัดศัตรูพืชที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
  • การทำงานเกี่ยวกับสิ่งที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง เช่น พลาสติก ตะกั่ว ยาง น้ำมัน รวมถึงสิ่งทอบางชนิด 

 

 

อาการของ "มะเร็งสมอง"

 

อาการของโรคมะเร็งสมองจะขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งที่พบของเนื้องอก โดยอาการที่พบอาจมีสาเหตุหรือเป็นผลข้างเคียงมาจากความผิดปกติอื่นที่ไม่ใช่มะเร็งสมองก็ได้ ไม่ควรวิตกกังวลจนเกินไปหากเป็นเพียงอาการเบื้องต้นหรืออาการที่ไม่รุนแรง แต่ก็สามารถไปพบแพทย์ได้หากมีข้อสงสัย โดยทั่วไปแล้วผู้ที่เป็นโรคมะเร็งสมองอาจมีอาการดังต่อไปนี้

  • ปวดศีรษะ โดยจะมีอาการรุนแรงในตอนเช้า
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • เป็นลมหมดสติ
  • ซึม
  • ชัก
  • อ่อนแรงและชาบริเวณแขนและขา
  • กล้ามเนื้อกระตุก
  • มีปัญหาการทรงตัว หรือเดินลำบาก
  • มีปัญหาทางความคิด สติปัญญา อารมณ์ หรือสูญเสียความทรงจำ
  • มีปัญหาในการพูด
  • มีปัญหาในการมองเห็น
  • มีปัญหาบุคลิกภาพที่เปลี่ยนแปลงไป
  • หรือหากพบอาการร่วมด้วยดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
  • อาเจียนบ่อยและไม่สามารถอธิบายสาเหตุของการอาเจียนนั้นได้
  • มองเห็นภาพซ้อน มองไม่ชัด โดยเฉพาะที่ตาข้างใดข้างหนึ่ง
  • ง่วงซึม หรือง่วงนอนอย่างผิดปกติ
  • ปวดศีรษะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

การรักษา "มะเร็งสมอง"

 

ในการรักษาโรคมะเร็งสมอง จำเป็นต้องใช้ทีมแพทย์ที่ประกอบด้วยหลายส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง นักโภชนาการ นักสังคมสงเคราะห์ นักกายภาพบำบัด รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ เช่น นักประสาทวิทยา ผู้ป่วยอาจได้รับการรักษาที่มากกว่าหนึ่งวิธี ขึ้นอยู่กับประเภท ขนาด และตำแหน่งของเนื้อร้าย รวมไปถึงอายุและปัญหาหรือเงื่อนไขทางการแพทย์อื่นๆ ของผู้ป่วย แพทย์อาจให้สเตียรอยด์เพื่อลดอาการบวมของสมอง หรือให้ยากันชักในผู้ป่วยบางราย รวมไปถึงวิธีการรักษาอื่นๆ ที่ใช้ในผู้ป่วยโรคมะเร็งสมองดังต่อไปนี้

 

การผ่าตัด เพื่อทำการกำจัดเนื้องอกที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดเซลล์มะเร็ง

 

  • การรักษาด้วยรังสี คือการฉายแสงที่มีพลังงานสูงเพื่อทำลาย ลดการขยายตัวและหยุดการเจริญเติบโตของเนื้อร้าย ใช้ในผู้ที่ไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดได้ เช่น เนื้อร้ายอยู่ในตำแหน่งที่บอบบางและยากต่อการผ่าตัด หรือใช้หลังการผ่าตัดที่ยังคงหลงเหลือเซลล์มะเร็งอยู่ การรักษาด้วยรังสีสามารถทำได้ด้วยกันหลายวิธี เช่น
  • External Radiation คือการฉายรังสีที่มีพลังงานสูงผ่านชั้นผิวหนัง กระโหลก เซลล์สมอง ไปยังตำแหน่งของเนื้อร้าย โดยจะทำประมาณ 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ใช้เวลาไม่นานต่อหนึ่งครั้ง
  • Stereotactic Radiosurgery คือการทำลายเนื้อร้ายโดยการใช้รังสีที่มีพลังงานสูงจากหลายทิศทางด้วยความแม่นยำ โดยทำหลังจากมีการระบุตำแหน่งที่ชัดเจน ซึ่งทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยกว่า
  • การทำเคมีบำบัด หรือที่เรียกว่าการทำคีโม คือการใช้ยา อาจเป็นยา 1 ชนิดหรือรวมกันตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปในการรักษา สามารถให้ได้ทั้งทางเส้นเลือดหรือรับประทาน จะใช้ยาเป็นรอบ ๆ โดยจะเว้นระยะให้ผู้ป่วยได้พักฟื้น และดูการตอบสนองต่อการรักษา การทำเคมีบำบัดสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เป็นแผลในปาก เบื่ออาหาร ผมร่วง เป็นต้น

 

สมองอาจได้รับผลกระทบหรือเกิดความเสียหายจากเซลล์มะเร็ง ผู้ป่วยบางรายอาจมีความจำเป็นต้องมีการฟื้นฟูร่างกายหลังเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งสมอง สามารถทำได้โดยมีแนวทางดังต่อไปนี้

  • การฟื้นฟูสมรรถภาพหรือการทำกายภาพบำบัด ผู้ป่วยบางรายอาจพบว่าสมองถูกทำลายจากเซลล์มะเร็ง ทำให้ส่งผลต่อความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวันหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การพูด การเดิน หรือการปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ จึงจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการฟื้นฟูเพื่อสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • การฟื้นฟูโดยการรักษาแบบทางเลือก เช่น การเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ หรือการรับประทานอาหารเสริม เพื่อชดเชยสารอาหารที่สูญเสียไปในระหว่างการรักษา รวมไปถึงการฝังเข็ม หรือการใช้สมุนไพร ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์สำหรับทางเลือกที่ดีและเหมาะสมที่สุดในผู้ป่วยแต่ละราย

  

ที่มาข้อมูล : โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ