Lifestyle

จุกแสบหน้าอก อาจเพราะ "กรดไหลย้อน" เช็กสาเหตุและการรักษาได้ที่นี่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หากมีอาการแสบร้อนกลางอกเป็นประจำ หรือมีอาการแสบร้อนในทรวงอกที่เกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารก็อาจเป็นได้ว่าท่านมีโรค "กรดไหลย้อน" (gastroesophageal reflux disease, GERD)

โรคกรดไหลย้อน เกิดจากสาเหตุอะไร?

กรดไหลย้อน หรือ GERD (Gastroesophageal Reflux Disease) เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิเช่น ความผิดปกติของหูรูดส่วนปลายของหลอดอาหาร ทำให้ความดันของหลอดอาหารต่ำลง หรือบ่อยกว่าปกติ ซึ่งเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่  อาหารและยาบางชนิด ภาวะน้ำหนักเกิน ความเครียด หรือความผิดปกติในการบีบตัวของหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหาร ทำให้เพิ่มโอกาสการไหลย้อนของกรดจากกระเพาะอาหารสู่หลอดอาหารมากขึ้น

 

“กรดไหลย้อน” รักษาได้นะ!

  • ปรับเปลี่ยนนิสัย และการดำเนินชีวิตประจำวัน (lifestyle modification)
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรค
  • การรักษาโดยการใช้ยา
  • การผ่าตัด

พฤติกรรมที่ควรเปลี่ยน เพื่อรักษา "กรดไหลย้อน"


นิสัยส่วนตัว

  • อย่าให้เครียด และงดการสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่คับ หรือรัดแน่น โดยเฉพาะบริเวณรอบเอว
  • พยายามลดน้ำหนักถ้าน้ำหนักเกิน
  • ถ้ามีอาการท้องผูก ควรรักษาและหลีกเลี่ยงการเบ่ง
     

นิสัยในการรับประทานอาหาร

  • หลังรับประทานอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย, การยกของหนัก, การเอี้ยวหรือก้มตัวในทันที ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 3 ชม.
     
  • รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ หลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยการทอด, อาหารมัน, อาหารย่อยยาก, พืชผักบางชนิด เช่น หัวหอม กระเทียม มะเขือเทศ และอาหารฟาสต์ฟู้ด
     
  • หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกช็อกโกแลต ถั่ว ลูกอม peppermints เนย ไข่ นมหรืออาหารที่มีรสจัด เช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด หวานจัด  กาแฟ ชา น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง และเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์
     
  • รับประทานอาหารปริมาณพอดีในแต่ละมื้อ ไม่ควรรับประทานอาหารจนอิ่มแน่นท้องมาก

     

    นิสัยส่วนตัว

  • อย่าให้เครียด และงดการสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่คับ หรือรัดแน่น โดยเฉพาะบริเวณรอบเอว
  • พยายามลดน้ำหนักถ้าน้ำหนักเกิน
  • ถ้ามีอาการท้องผูก ควรรักษาและหลีกเลี่ยงการเบ่ง


    นิสัยในการรับประทานอาหาร
     
  • หลังรับประทานอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย, การยกของหนัก, การเอี้ยวหรือก้มตัวในทันที ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 3 ชม.
     
  • รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ หลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยการทอด, อาหารมัน, อาหารย่อยยาก, พืชผักบางชนิด เช่น หัวหอม กระเทียม มะเขือเทศ และอาหารฟาสต์ฟู้ด
     
  • หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกช็อกโกแลต ถั่ว เนย ไข่ นมหรืออาหารที่มีรสจัด เช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด หวานจัด  กาแฟ ชา น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง และเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์
     
  • รับประทานอาหารปริมาณพอดีในแต่ละมื้อ ไม่ควรรับประทานอาหารจนอิ่มแน่นท้องมาก

นิสัยการนอน

  • ไม่ควรนอนหลังการรับประทานอาหารทันที  หรืออย่างน้อยควรเว้นระยะห่าง 3 ชม.
  • เวลานอน ควรหนุนหัวเตียงให้สูงขึ้นประมาณ 6-10 นิ้วจากพื้นราบ

 

การทานยารักษากรดไหลย้อนอย่างถูกต้อง

ควรรับประทานยาสม่ำเสมอตามแพทย์สั่ง ไม่ควรลดขนาดยาหรือหยุดยาเอง และมาพบแพทย์ตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพื่อปรับขนาดยา อย่าซื้อยารับประทานเองเวลาป่วย เนื่องจากยาบางชนิดจะทำให้กระเพาะอาหารมีการหลั่งกรดเพิ่มขึ้น หรือกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างคลายตัวมากขึ้น ประมาณร้อยละ 90 ของผู้ป่วยที่มีอาการของ GERD สามารถควบคุมอาการได้ด้วยยา

 

 ที่มาข้อมูล:
นพ. จีรวัส  ศิลาสุวรรณ  
โรงพยาบาลพญาไท 2 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ