
กสพท.เผยนร.เตรียมอุดมฯคว้าอันดับ1ติดแพทย์จุฬาฯ
กสพท.ประกาศผล คณะแพทย์ 12 สถาบัน มีนักเรียนผ่านคัดเลือก 1,375 คน ระบุสอบสัมภาษณ์ 2- 10 มี.ค.นี้ "พญ.บุญมี" เตือนตรวจสอบรายชื่อ วันและเวลาสอบสัมภาษณ์ในเว็บไซด์ด้วยตนเอง เผยนร.เตรียมอุดมศึกษา ที่ 1 คณะแพทย์เรียนหมอ จุฬาฯ พร้อมยืนยันใช้คะแนนโอเน็ต ชี้หากนร.ไ
เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2553. ศ.พญ.บุญมี สถาปัตยวงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการจัดสอบคัดเลือกระบบรับตรงของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่ง ประเทศไทย (กสพท.) ปีการศึกษา 2553 เปิดเผยว่า ขณะนี้ กสพท.ได้ประมวลผลการคัดเลือกระบบรับตรงของ กสพท.เรียบร้อยแล้ว และประกาศผลผ่านเว็บไซต์ กสพท.www9.si.mahidol.ac.th และผ่านทางเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยในกลุ่ม กสพท.ทั้ง 12 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มม. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) มหาวิทยาลัยรังสิต วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานคร และวชิรพยาบาล และวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ตั้งแต่วัน 25 ก.พ.ซึ่งปีนี้มีจำนวนผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งสิ้น 1,375 คน จากผู้สมัครทั้งหมดประมาณ 22,000 กว่าคน
ศ.พญ.บุญมี กล่าวอีกว่า สำหรับผู้สมัครสอบทุกคนที่ผ่านการคัดเลือก ต้องตรวจสอบรายชื่อด้วยตนเอง เพราะสถาบันแต่ละแห่ง จะกำหนดวันและเวลาสอบสัมภาษณ์ไว้ในเว็บไซด์ ซึ่งหากผู้มีรายชื่อสอบสัมภาษณ์ไม่ไปแสดงตนตามเวลาที่กำหนด จะถือว่าสละสิทธิ์การเข้าศึกษาต่อใน กสพท. และจะไม่มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกในรอบที่ 2 หากมีการเปิดรับในกรณีที่สถาบันยังรับนักศึกษาแพทย์ไม่เต็มจำนวนหรือมีผู้สละสิทธิ์ โดยมหาวิทยาลัยเกือบทุกแห่ง คาดว่าเริ่มดำเนินการสอบสัมภาษณ์ระหว่างวันที่ 2-10 มี.ค.นี้
ศ.พญ.บุญี กล่าวต่อไปว่า ขอฝากถึงผู้สมัครทุกคนมี.ค.นี้หากรับนักศึกษาไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ กสพท. จะคัดเลือกผู้มีสิทธิ์เข้ารับการสัมภาษณ์ และตรวจร่างกายเพิ่มเติมจากผู้สมัครเดิม โดยจะให้สิทธิ์เฉพาะผู้ที่ยังไม่ได้รับการคัดเลือกเข้าศึกษาในสถาบันใดๆ และเมื่อได้รายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษาแล้ว กสพท. จะส่งรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือก ไปยังที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) เพื่อตัดสิทธิ์จากระบบแอดมิชชั่นส์ ป้องกันรายชื่อซ้ำซ้อน
"คะแนน ในปีนี้สูงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้กลุ่มกสพท. จัดสอบวิชาเฉพาะ 30% และวิชาสามัญ ซึ่งมาแทนการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง(เอเน็ต) 5 กลุ่มสาระวิชา ได้แก่วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย สังคม และภาษาอังกฤษ รวม 70% เอง ทำให้คัดนักเรียนได้ตรงตามความต้องการของกสพท. เพราะเนื้อหาที่สอบไม่เกินหลักสูตรที่นักเรียนเรียนในโรงเรียน ทำให้คะแนนของผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในกลุ่ม กสพท.สูงขึ้น ส่วนนักเรียนที่ได้คะแนนสอบสูงสุดอันดับแรก คือ นายนายณัชชากร ขวัญขจรวงศ์ นักเรียนจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้คะแนน 83.0400จาก 100 คะแนนเต็ม ซึ่งเลือกเข้าเรียนต่อในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ" ศ.พญ.บุญมี กล่าว
ศ.พญ.บุญมี กล่าวด้วยว่า สำหรับคะแนนการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต รวม 5 กลุ่มสาระ ได้แก่วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ทางกลุ่มกสพท.ใช้เป็นหนึ่งในเกณฑ์การพิจารณานักเรียนเข้าศึกษาต่อคณะแพทย์ศาสตร์ และทันตแพทย์ศาสตร์ นักเรียนต้องมีคะแนนรวมเท่ากับหรือมากกว่า 60 % ซึ่งขณะนี้นักเรียนเพิ่งสอบเสร็จไปนั้น หลังจากสถาบันทดสอบทางการศึกษาประกาศผลแล้ว นักเรียนต้องนำมายื่นในการพิจารณาด้วย อย่างไรก็ตาม การนำคะแนนโอเน็ตมายื่นนั้น ต่อให้นักเรียนผ่านการสอบสัมภาษณ์ และตรวจร่างกายแล้ว แต่คะแนนรวมน้อยกว่า 60 % ทางกสพท. จะตัดรายชื่อออกทันที ซึ่งเรื่องนี้ทางกสพท.ได้แจ้งให้นักเรียนทุกคนทราบแล้ว และนักเรียนเข้าใจดี
นายณัชชากร ขวัญขจรวงศ์ หรือ น้องเดลล์ นักเรียนชั้นม.6 จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เกรดเฉลี่ย 3.92 สอบได้อันดับ 1 ของคณะแพทย์ศาสตร์ 83.0400 จาก 100 คะแนนเต็ม ซึ่งเลือกเข้าเรียนต่อในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่ารู้สึกดีใจ และภาคภูมิใจมากที่สามารถสอบเข้าเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ ตามที่ตั้งใจไว้ได้ เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ตนเองใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆ และพยายามตั้งใจเรียนมาตลอดเนื่องจากรู้ว่าการสอบเข้าเรียนหมอนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนแรงบันดาลใจในการอยากเป็นหมอเกิดจากอาหมอ ซึ่งท่านเป็นหมอที่ใจดีมากๆ ทำให้คิดว่า ถ้าเราเป็นหมอจะเป็นหมอที่ใจดี และทุ่มเทการทำงานเพื่อนช่วยเหลือคนเจ็บป่วยให้ดีขึ้น อีกทั้งกำลังใจจากพ่อแม่ที่คอยดูแลเอาใจใส่ และไม่กดดันให้เราเครียดในการเรียน และการสอบเข้าคณะแพทย์ เพราะพ่อแม่บอกเสมอว่า ถ้าสอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ลูกทำเต็มที่แล้ว
นายณัชชากร กล่าวถึงเคล็ดลับในการเรียนว่า อยากให้ทุกคนตั้งใจเรียนในห้องให้เต็มที่ และหมั่นทบทวนบทเรียนด้วยตนเองเสมอ เพราะการทบทวนบทเรียนจะทำให้รู้ว่ามีความรู้มากน้อยขนาดไหน และเมื่อไม่รู้ให้ไปศึกษาค้นคว้าหรือสอบถามจากอาจารย์ผู้รู้ ซึ่งหากทุกคนมีความตั้งใจ ไม่กดดันตัวเอง และทบทวนความรู้เสมอ ไม่จำเป็นต้องไปเรียนกวดวิชาก็ได้ เพราะการเรียนกวดวิชา เป็นการเพิ่มเติม ทบทวนความรู้ในห้องเรียน เราสามารถทำด้วยตัวเองได้ รวมไปถึงควรแบ่งเวลาไปทำกิจกรรมอย่างอื่น ซึ่งตนจะเล่นกีฬาหลังเลิกเรียน เป็นกรรมการออกข้อสอบฟิสิกส์ CUMSO ของโรงเรียน เป็นกรรมการชมรมคณิตศาสตร์ เพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการเรียน
" ตอนนี้มีการแข่งขัน และการสอบเยอะมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดที่อยากให้เพื่อนๆ และน้อง คิดไว้เสมอ คืออย่าเครียด อย่าคาดหวังมาก เพราะคนเราใช่ว่าจะทำทุกสำเร็จทุกครั้งไป อย่างผมก็เคยสอบคัดเลือกโอลิมปิกวิชาการไม่ผ่าน แต่ผมก็ยังมุ่งมั่นตั้งใจเรียนหนังสือต่อไป เพราะคนเราล้มได้แต่ต้องลุก ผิดพลาดได้แต่อย่าท้อ" นายณัชชากร กล่าว
นายณัชชากร กล่าวถึงการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยโดยระบบแอดมิชชั่นส์ว่า ระบบแอดมิชชั่นส์ เป็นระบบการสอบคัดเลือกที่ดี แต่ข้อสอบที่นำมาสอบ โดยเฉพาะข้อสอบที่สามารถตอบคำถามได้หลายๆ ข้อ ตนมองว่าไม่ค่อยยุติธรรมกับเด็ก เช่น ข้อสอบมีเฉลย2 ข้อ เด็กบางคนที่เตรียมตัวมาดี แต่รู้ว่าเพียง 1 คำตอบ กับเด็กคนหนึ่งที่ไม่ได้เตรียมตัวมาเลย กลับไม่รู้สักคำตอบ เมื่อสองคนนี้ตอบคำถามไป อีกคนรู้แต่รู้ไม่หมด กับคนที่ไม่รู้เลย กลับได้คะแนนเท่ากัน จึงอยากให้ทางสทศ.ออกข้อสอบแบบเดิมดีกว่า
นายณัชชากรด้วยว่า ในอนาคตนั้นตนตั้งใจจะเป็นอาจารย์หมอ เพราะเป็นคนชอบสอนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ที่ตนเองมีไปยังผู้อื่น เนื่องจากวิชาการทางแพทย์ไม่ได้เข้าใจง่ายๆ ดังนั้น อาจารย์หมอที่สอนนักศึกษา หรือแนะนำประชาชนในการดูแลสุขภาพร่างกายย่อมและถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งการช่วยเหลือผู้อื่นได้เป็นอย่างดี



