
หัวใจไทยว่าด้วย...คำพากษ์โขน
โขนมักนำเสนอเรื่องราวของพระรามในเรื่องรามเกียรติ์ ในอดีตนำมาร้อยกรองเป็นบทสำหรับการแสดงทั้งโขน ละคร และหนังใหญ่หลายสำนวนตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ได้แก่ คำพากย์รามเกียรติ์
มีทั้งสำนวนสมัยกรุงศรีอยุธยา และสำนวนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีคำพากย์พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 6 บทละครเรื่องรามเกียรติ์ มีทั้งสำนวนสมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงธนบุรีมีสำนวนพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สมัยกรุงรัตนโกสินทร์มีสำนวนพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1 พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 4 และบทเบิกโรงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6
คำพากย์รามเกียรติ์ เป็นกวีนิพนธ์สำหรับการแสดงโขนและหนังใหญ่ มหรสพทั้ง 2 ประเภทนี้ มีลักษณะร่วมกัน ทั้งการดำเนินเรื่อง การพากย์ การเจรจาและขนบในการแสดง คำพากย์ประพันธ์ด้วย ยานี 11 หรือ ฉบัง 16 ทั้งนี้ต้องมีคนพากย์ต้นเสียงรับด้วยตะโพนและกลองทัด แล้วลูกคู่หรือตัวแสดง ที่อยู่ในโรงรับ “เพ้ย” พร้อมๆ กัน วิธีพากย์จำแนกตามบรรยากาศหรือสถานการณ์ ของตอนที่แสดงเป็น 6 อย่าง คือ
1.พากย์เมือง หรือ พากย์พลับพลา ใช้พากย์ตอนที่ตัวเอกประทับว่าราชการ เช่น พระรามประทับในพลับพลา 2. พากย์รถ ใช้พากย์พาหนะที่ตัวเอกประทับ เช่น ราชรถของพระราม 3.พากย์โอ้ ใช้พากย์ตอนโศกเศร้า ตอนปลายบทพากย์เป็นทำนอง เพลงโอ้ปี่ เช่น พรรณนาความโศกของพระรามในตอนนางลอย 4.พากย์ชมดง ใช้พากย์ตอนชมความงามของป่าดงพงไพร ขึ้นต้น บทพากย์เป็นทำนองเพลงชมดง 5.พากย์บรรยาย ใช้พากย์บรรยายความเป็นมาของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาจเป็นบุคคล สัตว์หรือของสำคัญ และ 6.พากย์เบ็ดเตล็ด ใช้สำหรับพากย์บรรยากาศทั่วๆ ไป
คำพากย์หรือบทพากย์ที่ถือกันว่าไพเราะยิ่ง เป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้แก่ คำพากย์นางลอย พรหมาสตร์ นาคบาศ และเอราวัณ ตอนต่อไปจะนำตัวอย่างคำพากย์มาให้รู้จักนะคะ