จากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์โรคระบาด ทำให้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเรื่องกิน เที่ยว ล้วนแล้วต้องอยู่ในการควบคุมดูแลตัวเองกันอย่างหนักหน่วง “ดูแลตัวเองดีๆ นะ” อาจไม่ใช่คำพูดจากคนอื่น หากแต่เป็นคำพูดที่ต้องคอยเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ช่วงเวลาปลายปีกับเดือนสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและการออกเดินทางท่องเที่ยวของใครหลายๆ คน สำหรับคนที่ชอบธรรมชาติ ป่า เขา ก็มักจะเก็บกระเป๋าเข้าป่าหาธรรมชาติ ส่วนสายปาร์ตี้ ที่ชอบแสงสีและอยู่เมืองก็คงหาสถานที่ปาร์ตี้เคาท์ดาวน์ข้ามปี แต่อย่างที่บอกว่าไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนแปลงไป การหาที่พักนอนค้างอ้างแรมกลางกรุงฯ โดยไม่ต้องไปกระจุกตัวอยู่ที่ไหนสักที่ นอนใช้ชีวิตดีๆ ดูไฟดูพลุในค่ำคืนวันเคาท์ดาวน์กับครอบครัวและคนรู้ใจแบบไร้กังวลเรื่องโควิด-19 นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว ซึ่งวันนี้ คมชัดลึกออนไลน์ มี 5 โฮสเทลกลางกรุงฯ มายั่วให้ออกมาใช้ชีวิตตามวิถีคนเมืองในยุคนี้ และยังเหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวต่างจังหวัด แต่ก็ไม่อยากนอนอุดอู้อยู่บ้าน จะที่ไหนบ้างไปดูกันเลย
ประเดิมที่แรกด้วย “โรงแรมทริปเปิ้ลวาย” (Triple Y Hotel) โรงแรมขนาด 102 ห้องผสมผสานกับวิถีชีวิตแบบไทยๆ ของจีนในสมัยก่อนที่ดีของย่านสามย่าน ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและการต้อนรับแบบไทยในตำนาน สไตล์ให้ความสมดุลที่สมบูรณ์แบบของความสะดวกสบายทำให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ที่แท้จริงกับความรู้สึกของการเดินทางที่ยอดเยี่ยม ในส่วนของห้องพัก ทางโรงแรมก็มีให้เลือกหลายแบบตั้งแต่ห้องขนาด 17 ตร.ม.ไปจนถึง 34 ตร.ม.
เอกลักษณ์ของตัวโรงแรมคือสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้รถไฟใต้ดินเชื่อมต่อจากศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ไปยังสถานี MRT สามย่าน ซึ่งสามารถพาคุณไปยังไชน่าทาวน์และเข้าไปในตัวเมืองได้อย่างสบาย
ถัดมาที่ “โรงแรมอาศัย แบงคอก ไชน่าทาวน์” (ASAI Bangkok Chinatown) โรงแรมไลฟ์สไตล์ใจกลางย่านที่คึกคักที่สุดของกรุงเทพฯ เน้นการออกแบบที่กลืนไปกับบรรยากาศโดยรอบ จึงมีกลิ่นอายของย่านเยาวราชให้เห็นทั่วทุกมุม ทั้งการตกแต่งด้วยกระเบื้องหลากสี การใช้ช่องเปิดแบบกลมที่พบได้ในสถาปัตยกรรมแบบจีน ภาพถ่ายของช่างภาพชื่อดัง DogDuckPugPed ที่บันทึกมุมต่างๆ ของย่านเยาวราชประดับตามห้องพัก รวมถึงผลงานอินสตอลเลชั่นชิ้นเด่นโดย Ease Studio ได้แรงบันดาลใจจากหางโคมไฟจีน ภายในโรงแรมจัดสรรพื้นที่ได้อย่างลงตัว และให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางที่เรียกว่า Communal Area ในคอนเซ็ปต์ ‘Eat, Work, Play’ เป็นพื้นที่ที่จัดกิจกรรมได้หลากรูปแบบ และพื้นที่ด้านนอกที่เป็นลานกิจกรรม ทางโรงแรมแบ่งส่วนหนึ่งทำแปลงผักออร์แกนิกให้เชฟเด็ดปรุงอาหารกันได้อย่างสดครบรสชาติ
“โรงแรมอาศัย แบงคอก ไชน่าทาวน์” ตั้งอยู่ในโลเคชั่นใจที่เดินทางแสนสะดวก ห่างจาก MRT สถานีมังกรฯ เพียง 100 เมตร และเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่น่าสนใจ ทั้งในย่านเยาวราช ไปจนถึงสำเพ็ง และทรงวาด อาทิ ศาลเจ้ากวนอู, มัสยิดหลวงโกชาอิศหาก, Play Art House เป็นต้น
อีกโฮเทลน่าสนใจต้องยกให้ “ตะลักเกี้ยะ บูทีก โฮเทล” (Talakkia Boutique Hotel) โรงแรมบูติคใหม่เอี่ยมใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุงที่รู้จักกันในชื่อ “ตลาดน้อย” ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของชาวจีน โรงแรมจึงได้รับการออกแบบและตกแต่งในสไตล์ลอฟท์ ที่สื่อถึงความเป็นจีน เพื่อให้สอดคล้องไปกับพื้นที่ ในส่วนของห้องพักตกแต่งในสไตล์จีนทันสมัย มีบริการทั้งแบบห้องเตียงคู่ ห้องแฝด และห้อง Family room และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน
ด้วยโลเคชั่นของโรงแรม ผู้เข้าพักสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ มีมากมาย อาทิ ร้านจิม ทอมป์สัน, วัดสระเกศ, วัดโพธิ์, เซ็นทรัลเวิลด์, วัดพระแก้ว, พระบรมมหาราชวัง, ถนนข้าวสาร เป็นต้น
ขณะที่ “ลุก โฮสเทล” (Luk Hostel) โฮสเทลเปิดใหม่ ตั้งอยู่ในย่านจักรวรรดิ์ ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ใช้โทนสีเข้มๆ ทำให้ดูลึกลับ น่าค้นหา ภายในมีทั้งโซนคาเฟ่ และมีรูฟท็อปบาร์ให้นั่งหย่อนใจและชมวิวย่านเยาวราชไปด้วย ห้องพักที่นี่มีทั้งห้องพักแบบรวมชาย – หญิง 4 6 8 และ 24 เตียง รวมถึงห้องพักแบบ Deluxe Private room สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญใกล้ๆ ที่พัก คือ วัดสระเกศอยู่ห่างออกไปราว 2.5 กม. วัดพระแก้วห่างราว 3 กม. ขณะที่พระบรมมหาราชวังอยู่ห่างประมาณ 3.2 กม.
ปิดท้ายที่ “ป้าแพร่ง โฮสเทล” (Pa Prank Hostel) โฮสเทลสีดำซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกับเสาชิงช้า เดิมทีเป็นตึกแถวสองคูหาติดกันตามรูปแบบที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ชุมชน แต่เจ้าของตั้งใจจะให้ที่นี่เป็นมากกว่าโฮลเทลธรรมดา จึงเพิ่มฟังก์ชันของคาเฟ่ โคเวิร์คกิ้งสเปซ และพื้นที่แสดงงานศิลปะเข้ามาไว้ด้วยกันในพื้นที่เดียว โดยแบ่งพื้นที่การใช้สอยดังนี้
ชั้น 1 เปิดเป็นส่วนคาเฟ่สำหรับแวะมานั่งชิล โดยคุมโทนสีขาว-ดำ พร้อมแยกส่วนทางเข้าเป็นสองทาง คือบริเวณด้านหน้าสำหรับผู้มานั่งในคาเฟ่ และบริเวณด้านข้างสำหรับแขกผู้เข้าพัก
ชั้น 2 เปิดเป็นโคเวิร์คกิ้งสเปซและมุมจัดแสดงงานศิลปะที่จัดเป็นนิทรรศการหมุนเวียน ซึ่งมีทั้งจากทางเจ้าของคัดเลือกมา และยังเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาได้ใช้เป็นพื้นที่ปล่อยของอีกด้วย
ชั้น 3 เป็นห้องน้ำรวม และชั้นที่เหลือเป็นห้องพักรวม และห้องส่วนตัว โดยมีห้องพักหนึ่งห้องที่ถูกเพิ่มมิติด้วยการยื่นห้องพักออกไปเหนือพื้นที่ฝั่งที่ทุบออก ทำให้ห้องดูเสมือนลอยตัวอยู่ในอากาศ แตกต่างจากห้องในตึกแถวและโฮสเทลแบบเดิม ๆ รวมถึงมีห้องพักบนชั้นดาดฟ้า ที่เปิดโปร่งเห็นบรรยากาศของตึกแถวในย่าน และลานกว้างซึ่งเป็นที่ออกกำลังกายของผู้เข้าพัก ซึ่งหากต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถรูดม่านปิดคลุมผนังกระจกได้เช่นกัน
ผู้เข้าพักที่ “ป้าแพร่ง โฮสเทล” สามารถเดินไปถนนข้าวสารได้โดยใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที และยังมีสถานที่อื่นๆ ใกล้ๆ อาทิ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร, วัดพระแก้ว, วัดโพธิ์, พระบรมมหาราชวัง ฯลฯ
ย่านใจกลางกรุงเทพฯ ยังมีโฮสเทลเก๋ๆ ให้เลือกพักอีกเพียบ ลองเปิดใจสักนิดแล้วก้าวออกมาใช้ชีวิตตามวิถีคนเมืองในยุคนี้กันคร้า....
ข่าวที่เกี่ยวข้อง