Lifestyle

"ธารน้ำแข็งทเวตส์" อาจละลายใน 3 ปี กับน้ำทะเลที่อาจเพิ่มขึ้น 65 ซม.ทั่วโลก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นักวิทยาศาสตร์เปิดเผย "ธารน้ำแข็งทเวตส์" (Thwaites Glacier) ธารน้ำแข็งที่กว้างที่สุดในโลกอาจพบจุดจบภายในไม่เกิน 10 ปี หรือไวที่สุดภายในอีก 3 ปีนี้เท่านั้น

"ธารน้ำแข็งทเวตส์" (Thwaites Glacier) อยู่ทางตะวันตกของทวีปแอนตาร์กติกาซึ่งคนทั่วโลกรู้จักกันในอีกชื่อว่า "ธารน้ำแข็งวันสิ้นโลก" (Doomsday Glacier) เพราะเป็นธารน้ำแข็งนี้มีขนาดความกว้างมากที่สุดในโลกอยู่ที่ 120 กิโลเมตร หรือขนาดพอ ๆ กลับประเทศสหราชอาณาจักร และ เกาะฟลอริดาสหรัฐอเมริกา ซึ่งหากธารนี้ละลายจะส่งผลต่อการยกระดับน้ำทะเลครั้งใหญ่ของโลก

"ธารน้ำแข็งทเวตส์" อาจละลายใน 3 ปี กับน้ำทะเลที่อาจเพิ่มขึ้น 65 ซม.ทั่วโลก
 

รายงานล่าสุดจากนักวิทยาศาสตร์ The International Thwaites Glacier Collaboration (ITGC) ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในธารน้ำแข็งแห่งนี้ที่อาจเกิดขึ้นภายใน 5-10 ปี หรือเร็วกว่านั้นเป็นไปได้ว่าอาจพบจุดจบภายในเวลา 3 ปีข้างหน้า ซึ่งแม้ครั้งหนึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้คาดการร์ว่าสถานการณ์ "วันโลกาวินาศ" เช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นภายในอีกหลายศตวรรษ แต่ด้วยข้อมูลล่าสุด ธารน้ำแข็งทเวตส์กำลังตอบสนองต่อโลกที่ร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว มันกำลังละลายอย่างรวดเร็ว และกำลังแตกเป็นเสี่ยง ๆ ซึ่งสะท้อนว่ามันกำลังย่นระยะเวลาการละลาย  ส่วน "วันโลกาวินาศ" จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อธารน้ำแข็งทเวตส์แตกสลายและปล่อยน้ำทั้งหมดลงสู่มหาสมุทร มื่อนั้นระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 65 เซนติเมตร

 

ทำไมธารน้ำแข็งทเวตส์ถึงละลายเร็วขึ้นเช่นนี้?
ปกติ "ธารน้ำแข็งทเวตส์" จะไหลไปบรรจบทะเลแล้วเริ่มละลายเมื่อพบกับกระแสน้ำที่อุ่นจากน้ำทะเล แต่ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์พบว่า นอกเหนือจากการเคลื่อนตัวของธารน้ำแข็งแล้ว น้ำทะเลลึกลงไปภายใต้ธารน้ำแข็งยังอุ่นขึ้นด้วยทำให้ภูเขาน้ำแข็งใต้ทะเลและภูเขาน้ำแข็งเหนือน้ำทะเลคลายการยึดเกาะออกจากกัน 

 

นอกจากนี้การเกิดน้ำขึ้น-น้ำลงยังพัดน้ำจากชายฝั่งมาสู่ธารน้ำแข็งทเวตส์ผ่านช่องทางน้ำแข็งเดิมที่ถูกละลายไปแล้วจากกระแสน้ำอุ่น ทั้งหมดนี้จึงเป็นส่วนที่ทำให้ ธารน้ำแข็งทเวตส์อ่อนตัวลงเร็วขึ้นกว่าการคาดการณ์ครั้งก่อน

 

เมื่อธารน้ำแข็งอ่อนตัวลง ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดการแตกหักของพื้นผิวที่อาจแพร่กระจายไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง หิ้งน้ำแข็ง ทั้งหมดจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ เปรียบเทียบให้เห็นภาพมันจะคล้ายการแตกของหน้าต่างรถ 


 

การละลายของน้ำแข็งที่ว่าเป็นเรื่องของ "พัฒนาการ"

"พัฒนาการ" ที่ว่านี้เกิดจากการพัฒนาการความก้าวหน้าของมนุษย์นั่นเอง ซึ่งเป็นความก้าวหน้านี้ที่ทำให้สภาพภูมือกาศโลกเปลี่ยนไป เกิดภาวะโลกร้อนเพิ่มขึ้นในชั้นบรรยากาศและมหาสมุทรของโลกที่ เร็วและรุนแรงขึ้นทุกที 



ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทเวตส์แสดงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากกว่าระบบน้ำแข็งอื่น ๆ ในทวีปแอนตาร์กติกา ทเวตส์สูญเสียน้ำแข็งไปแล้วประมาณ 900,000 ล้านเมตริกตัน ตั้งแต่ 2543 การสูญเสียน้ำแข็งประจำปีของมันเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา และตอนนี้สูญเสียน้ำแข็งกว่า 45,000 ล้านเมตริกตันต่อปีซึ่งมากกว่าปริมาณหิมะที่ตกลงมาซะอีก

ผลกระทบจาก "พัฒนาการ" มนุษย์

เท็ด สแกมบอส ผู้ประสานงานหลักของ ITGC และนักวิทยาศาสตร์การวิจัยอาวุโสที่สถาบันสหกรณ์เพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม (CIRES) ระบุว่าหากธารน้ำแข็งทเวตส์แตกและปล่อยน้ำทั้งหมดลงสู่มหาสมุทร จะส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 65 เซนติเมตร

 

ไม่เพียงแค่นั้น สแกมบอสเตือนถึงหายนะระดับวันสิ้นโลกว่า "และอาจส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นไปอีกถึง 3 เมตร ถ้ามันดึงธารน้ำแข็งที่อยู่รายรอบไปด้วย" มันเป็นหายนะแบบลูกโซ่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หากพื้นที่น้ำแข็งใหญ่สุดล่มสลายลงไป และด้วยเหตุนี้เอง "ธารน้ำแข็งทเวตส์" จึงได้รับฉายาว่า "ธารน้ำแข็งวันสิ้นโลก" 

 

 

ที่มาข้อมูลและรูปภาพ:
www.livescience.com/agu-antarctica-thwaites-glacier-future

logoline