
ทำความรู้จัก "โรคลำไส้อักเสบเฉียบพลัน"
ในแต่ละวันเราต้องเผชิญกับเชื้อโรคมากมายทั้งการสัมผัสสิ่งของสกปรกหรือการหยิบจับอะไรเข้าปาก ซึ่งถ้าเราไม่รักษาความสะอาด สิ่งนั้นอาจก่อให้เกิด “โรคลำไส้อักเสบเฉียบพลัน” ตามมาได้โดยไม่รู้ตัว
ลำไส้อักเสบเฉียบพลันคืออะไร
"โรคลำไส้อักเสบเฉียบ" เกิดจากการกินอาหารหรือน้ำที่มีสารพิษหรือเชื้อโรคเข้าไป โดยทั่วไปทางการแพทย์ถือว่าอาหารที่เป็นต้นเหตุคืออาหารมื้อสุดท้ายก่อนเกิดอาการ แต่สำหรับโรคติดเชื้อนั้นไม่แน่นอนเสมอไป ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่ได้รับเชื้อถึงระยะเวลามีอาการเกิดขึ้นนั้นเรียกว่าระยะฟักตัว ซึ่งเป็นลักษณะของโรคติดเชื้อ อาจเป็นระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงจนถึงหลายวัน
ลำไส้อักเสบเฉียบพลันที่เกิดจากอะไร
จากการติดเชื้อ
- เกิดจากพิษของแบคทีเรีย โดยที่ไม่มีการรุกรานทำลายผิวของลำไส้ ส่วนใหญ่เกิดจากแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาจทำให้ถ่ายมากกว่า 10 ลิตรต่อวัน และทำให้เกิดภาวะช็อกจากการสูญเสียน้ำได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง
- เกิดจากการรุกรานทำลายผิวของลำไส้โดยแบคทีเรีย อาการของโรคเกิดจากการทำลายผนังของลำไส้ ทำให้มีอาการท้องเสีย ปวดท้อง มีไข้สูง อุจจาระมีมูกเลือดหรือมีกลิ่นเหม็น
- เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เป็นสาเหตุของการท้องเสียที่พบบ่อยในเด็กเล็ก แต่ปัจจุบันพบโรคนี้ในผู้ป่วยผู้ใหญ่มากขึ้น ทำให้มีอาการท้องเสีย มีไข้ ปวดท้อง คลื่นไส้ ปวดตามตัว เป็นต้น
จากที่ไม่ใช่การติดเชื้อ
เป็นสาเหตุส่วนน้อยของ "โรคลำไส้อักเสบเฉียบพลัน" ซึ่งเกิดจากการกินสารมีพิษหรือกินอาหารที่ย่อยยากจำนวนมาก เช่น สารพิษจากปลาทะเล สารโลหะหนัก เห็ดพิษบางชนิด หรือกินยาผิด เป็นต้น ทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง และมักเกิดภายใน 2-4 ชั่วโมงหลังได้รับพิษ
อาการของโรคลำไส้อักเสบเฉียบพลัน
- รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน กินอาหารไม่ได้ ทำอาจมีความเสี่ยงต่อการขาดน้ำในร่างกาย ทำให้เกิดภาวะช็อกได้
- สูญเสียน้ำจากการท้องเสีย รู้สึกรอ่อนเพลีย หน้ามืดจะเป็นลม ปากแห้ง มือเท้าเย็น หรือหมดสติ
- ปวดท้องแบบบิดๆ เกิดเป็นพักๆ มักมีอาการถ่ายตามมา แต่หากการปวดท้องตลอดเวลาโดยไม่มีหยุด ให้ระวังไว้ว่านั่นอาจไม่ใช่การปวดจากลำไส้อักเสบธรรมดา
- มีไข้สูง หนาวสั่น อาจเป็นการติดเชื้อที่อาจจะรุนแรงได้
- ถ่ายมีมูกเลือด หรือมีอาการปวดหน่วงๆ ที่ทวาร นั่นอาจเป็นอาการของลำไส้ใหญ่อักเสบ
วิธีป้องกันโรคลำไส้อักเสบเฉียบพลัน ที่ดีที่สุดคือเลือกกินอาหารที่ปรุงสดใหม่ หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำทิ้งไว้ ล้างมือก่อนกินอาหาร และหากพบความผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า
ขอขอบคุณ : โรงพยาบาลเปาโล