
"นอนไม่หลับ" ทำอย่างไรให้นอนหลับ เมื่อไหร่ควรไปหาหมอ
คุณเคยเป็นแบบนี้ไหม นอนหลับยาก หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกบ่อย ตื่นเช้ากว่าปกติ นอนไม่หลับเรื้อรัง รู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน หรือที่รวม ๆ ว่า "นอนไม่หลับ"
ผู้ที่เคยประสบปัญหา "นอนไม่หลับ" คงรู้ถึงความทุกข์ทรมานของภาวะนี้เป็นอย่างดี หากการนอนไม่หลับเกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้านอนไม่หลับบ่อย ๆ หรือเกิดขึ้นเป็นเวลานาน ย่อมมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและกระทบต่อสุขภาพกายและใจ ยิ่งในสภาวะปัจจุบันที่หลายคนต้องเจอกับความเครียดต่าง ๆ อาจเกิดความสงสัยว่า เมื่อไหร่ต้องไปหาหมอ? นอนไม่หลับนาน ๆ เป็นอะไรไหม?
บทความนี้จะเป็นข้อมูลหนึ่งที่ทำให้รู้จักกับปัญหาการนอนไม่หลับมากขึ้น
โรค "นอนไม่หลับ" คืออะไร?
อาการนอนไม่หลับ - เป็นปัญหาที่พบบ่อยถึง30% ของประชากรทั้งหมด 1 ใน 3 เป็นการนอนไม่หลับเรื้อรัง คือมีอาการนอนไม่หลับอย่างน้อย 1 เดือน หากปล่อยให้เกิดขึ้นเป็นเวลานานอาจเกิดเป็นโรคนอนไม่หลับได้
โรคนอนไม่หลับ - มักพบแพทย์ด้วยอาการเข้านอนแล้วหลับยาก หลับแล้วตื่นบ่อย ตื่นเร็วกว่าปกติและไม่สามารถหลับต่อได้ กลางวันมีอาการง่วงเหงาหาวนอน อ่อนเพลียมาก ไม่สดชื่น ไม่มีเรี่ยวแรง และสมาธิลดลงอย่างมาก โดยอาการเกิดขึ้นต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือน จนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เช่น ทำให้เกิดความติดขัดในหน้าที่การงานหรือการเรียน
สาเหตุของการนอนไม่หลับ
อาการนอนไม่หลับอาจเป็นอาการจากปัญหาอื่น ๆ ทั้งปัญหาจากสิ่งแวดล้อมภายนอกหรือเกิดจากปัญหาภายในร่างกายและจิตใจของผู้นั้น สาเหตุของการนอนไม่หลับที่พบบ่อย ได้แก่
- ปัญหาจากสิ่งแวดล้อม
สภาพแวดล้อมขณะเข้านอนเป็นสิ่งหนึ่งที่มักทำให้นอนไม่หลับ เช่น ความสว่าง เสียงรบกวน อุณหภูมิ เป็นต้น
- ปัญหาจากอาการทางร่างกาย
การเจ็บป่วยทางร่างกาย เช่น อาการปวดท้อง ปวดศีรษะ คันตามตัว หายใจขัด ปวดข้อ ปวดปัสสาวะบ่อย อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้ ซึ่งอาการต่าง ๆ เหล่านี้อาจเป็นอาการหนึ่งของโรคทางกาย อาทิเช่น โรคทางระบบประสาท โรคการนอนหลับที่สัมพันธ์กับการหายใจ โรคภูมิแพ้ เป็นต้น อาการและโรคเหล่านี้ล้วนมีผลกระทบกับการนอนทั้งสิ้น
- ปัญหาด้านจิตใจ
ความเครียดจากการทำงาน ความวิตกกังวล หรือแม้แต่โรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรคอารมณ์สองขั้ว โรควิตกกังวล อาจเป็นสาเหตุของการนอนไม่หลับได้เช่นกัน
- สาเหตุจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไป การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การปล่อยให้หิวหรืออิ่มมากจนเกินไป พฤติกรรมการนอนที่ไม่เป็นเวลา นอนหลับกลางวันมากเกินไป ก่อให้เกิดปัญหาการนอนหลับได้
การรักษาอาการนอนไม่หลับ
เนื่องจากอาการนอนไม่หลับอาจเป็นอาการของโรคอื่น ๆ ดังนั้นจึงต้องวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุของการนอนไม่หลับ และรักษาตามสาเหตุที่ค้นพบ หากอาการนอนไม่หลับของผู้ป่วยมีสาเหตุมาจากโรคนอนไม่หลับโดยตรง มีวิธีการรักษาอยู่หลายวิธีด้วยกัน ดังนี้
1.ปรับพฤติกรรมการนอนให้ถูกสุขอนามัย
- เช่น การเข้านอนให้ตรงเวลา การจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะแก่การนอนหลับ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ เป็นต้น
2. เทคนิควิธีการผ่อนคลายความเครียด
- ผู้ที่นอนไม่หลับเรื้อรังมักมีความวิตกกังวลสูง การเรียนรู้เรื่องวิธีการผ่อนคลายจะทำให้หลับได้ดีขึ้น
- เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การผ่อนคลายด้วยฝึกการหายใจ นั่งสมาธิ ฟังเพลงบรรเลงที่ชอบ เทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เป็นต้น
3. การรักษาด้วยยา
- เป้าหมายในการรักษาด้วยยา คือ เพื่อช่วยให้วงจรการนอนกลับสู่ภาวะปกติ การใช้ยาช่วยนอนอย่างถูกวิธีจะช่วยให้การนอนกลับสู่วงจรปกติได้ดีขึ้น และเมื่อการนอนกลับสู่ภาวะปกติการใช้ยาช่วยนอนไม่ได้มีความจำเป็นอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามการรักษาอาการนอนไม่หลับที่ดีที่สุดไม่ใช่วิธีการใดวิธีการหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่ควรใช้หลายวิธีควบคู่กันไป จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากการนอนหลับเป็นกลไกเพื่อฟื้นฟูซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รวมทั้งคงความสมดุลในการทำงานส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนั้นการนอนหลับจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มนุษย์อยู่ในภาวะสมดุลของร่างกายและจิตใจ ไม่ควรปล่อยให้อาการนอนไม่หลับคงอยู่เป็นเวลานาน หากได้รับผลกระทบจากการนอนไม่หลับควรรีบปรึกษาแพทย์
ขอขอบคุณ : โรงพยาบาลพระราม9