"นำมาเฉพาะของสำคัญ ไม่ทิ้งอะไรไว้ เก็บไปเพียงภาพถ่ายและความทรงจำ" ภูกระดึง สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไป
เหตุผลของคนเดินทางต่างกัน บางคนเดินทางตามคำบอกเล่า บางคนเดินทางเพื่อความฝันของตัวเอง บางคนอยากพิสูจน์ตัวเองในบางเรื่องจึงออกเดินทาง และจุดหมายของการเดินทางแต่ละครั้ง หนึ่งในนั้นต้องมี "ภูกระดึง" อยู่ด้วยเสมอ เชื่อว่าหลายคนคงเคยมากันแล้ว บางคนอาจเคยมาเมื่อครั้งเรียนหนังสือ จนถึงเรียนจบ ทำงาน ก็ยังมากันอยู่ บางคนมาครั้งเดียวและไม่มาอีกเลย และหลายคนไม่เคยมาเลย ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมผมอยู่ด้วยที่ไม่เคยมาเลย
จนถึงวันที่ฉุกละหุกทริปเกิดขึ้น เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ "ภูกระดึง" เป็นหัวข้อการพูดคุย ต่างคนต่างความคิด คนเคยไปก็จะเล่าให้ฟังจนอิจฉา คนที่ไม่เคยมาก็รู้สึกตาร้อนที่คนเคยไปมาเล่าให้ฟัง สุดท้ายความปังมาอยู่ที่การจองคิวเข้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึงผ่าน แอพพลิเคชั่น QueQ เมื่อจองได้เรียบร้อยขั้นตอนต่อมาก็ต้องมาเตรียมตัวกันเรื่องข้อมูลการเดินทาง และการท่องเที่ยว รวมไปถึงการใช้ชีวิตข้างบนนั้นต้องเตรียมตัวอย่างไรกันบ้าง สมาชิกในทีมต่างค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ แต่ที่ให้ข้อมูลได้ถึงที่สุดน่าจะเป็นจาก "เพจชมรมคนรักภูกระดึง" เพราะสมาชิกในเพจแต่ละท่านบรรยายความรู้สึกได้สมจริงกันทุกคนเลย ได้ทั้งข้อมูลความรู้ และความสนุก ตลก จากภาพที่สมาชิกของเพจถ่ายภาพมาลงประกอบเรื่องราวที่พวกเขาเขียนไว้เป็นความทรงจำเราเองเมื่อดูแล้วก็ต้องนำมาเช็กกับตัวเองว่า ไหวไหมบอกมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร่างกาย จิตใจ และอุปกรณ์ดำรงชีพในการใช้ชีวิตกลางแจ้งอย่างเป็นทางการ
เส้นทางเดินขึ้นภูกระดึง เราจะต้องเดินทางผ่าน 7 ซำ ได้แก่ ซำแฮก ซำบอน ซำกกกอก ซำกกหว้า ซำกกไผ่
ซำกกโดน ซำแคร่ ซึ่งมีระยะทางเดิน จนถึงจุดสุดท้ายที่เป็นจุดเช็กอินนั่นคือ หลังแปโดยประมาณ 5.5 กิโลเมตร นอกจากซำต่าง ๆ แล้วยังมีบ้านศรีฐาน ปางกกค่า ซึ่งอยู่ก่อนถึงซำแฮก ส่วนพร่านพรานแปอยู่ก่อนถึงซำกกหว้า จากหลังแปนี้เราต้องเดินเท้าไปยัง ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวางอีก 3.5 กิโลเมตร เส้นทางเดินขึ้นเขาแต่ละซำ เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่ แต่ไม่ต้องห่วงที่นี่มีบันไดเหล็กที่สูงชันอยู่บางช่วงคอยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวเป็นระยะ อุปกรณ์ในการช่วยให้เดินได้สะดวกขึ้น อย่างเช่นไม้โพล (ไม้เท้า) เป็นสิ่งที่ควรมี และถ้าใครไม่มีหรือไม่ได้เตรียมมา ทางอุทยานก็มีไม้ไผ่จากธรรมชาติเตรียมไว้ให้เพราะรู้ว่า การมีไม้เท้าเพื่อช่วยพยุงในการเดินป่าขึ้นภูจึงเป็นสิ่งสำคัญ ตอนขึ้นว่ายากแล้ว ตอนลงเขายิ่งยากกว่า จนเพื่อนร่วมทางครั้งนี้แอบกระซิบบอกมาว่า "ทำไมไม่บอกว่าตอนลงเขามันยากกว่าตอนขึ้น"
รู้แล้วว่า...ทำไมถึงต้องมา "ภูกระดึง" สักครั้งในชีวิต เพราะที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงามสมคำร่ำลือจริง ๆ แต่ที่โดนใจมาก ๆ สำหรับเราและเหล่าบรรดานักวิ่งเทรล นั่นก็คือ ที่นี่มีเส้นทางวิ่งที่สวยงาม อากาศบนภูกระดึงเย็นทั้งปี จึงเหมาะมากที่จะเป็นที่ซ้อมวิ่งขึ้นลงเขาไม่ว่าจะเป็นที่ซ้อมวิ่งแล้ว การเดินเทรคกิ้งสบาย ๆ ก็มีเส้นทางเดินชมหลายเส้นทางที่มาพร้อมวิวสวย ๆ
ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น ๆ เพราะสภาพภูมิประเทศบนภูกระดึงนั้นเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด เหมือนทำสนามวิ่งไปไว้บนยอดเขา นี่แหละความแตกต่าง
2 คืน 3 วัน บนภูกระดึง เป็นช่วงเวลาที่พอเหมาะกับการพักผ่อน แต่อาจจะไม่ได้ไปทุกจุดท่องเที่ยวบนยอดภูก็ตาม
พื้นที่ท่องเที่ยวแต่ละจุดจะค่อนข้างไกลกันสักนิด แต่ก็ไม่ยากเกินเดิน ไม่น่าเชื่อบนภูกระดึงมีจักรยานให้เช่าด้วย
เอาไว้ขี่ไปชมดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ผาหล่มสักที่อยู่ห่างจากที่ทำการ 9 กิโลเมตร หลายคนบอกว่า ถ้ามาภูกระดึงแล้ว มาไม่ถึง "ผาหล่มสัก" ถือว่ามาไม่ถึง "ภูกระดึง" ผมกลับมองว่า ดวงอาทิตย์ไม่ว่าจะขึ้น หรือลับขอบฟ้าที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน มันจะสำคัญที่สุดและสวยที่สุดก็คือคนข้าง ๆ ที่ยืนมองดวงอาทิตย์ดวงนั้นด้วยกัน
ฉุกละหุกทริปครั้งนี้จบลงด้วยความสุข การเดินขึ้นภูกระดึงครั้งนี้ เราไม่ได้พิชิตอะไรเลย เพราะชาวบ้านที่อยู่ที่นี่เข้าพิชิตภูกระดึงไว้ก่อนเราแล้ว แต่สิ่งที่เราได้จากการเดินขึ้นลงภูกระดึงครั้งนี้ เราได้ชนะใจตัวเอง ที่จะลองทำในสิ่งที่คิดว่าจะทำไม่ได้ อย่างน้อยในวันที่ร่างกายเราเสื่อมสภาพลงเราก็ยังดีใจที่ครั้งหนึ่งเราเคยเดินขึ้น "ภูกระดึง"
รู้แล้วว่า...ทำไมถึงต้องมา...ภูกระดึง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง