“รอยัล เอ็นฟีลด์” เปิดโฉม Classic 350 จักรยานยนต์ระดับตำนาน
รอยัล เอ็นฟีลด์ ประกาศเปิดตัว Classic 350 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โฉมใหม่ของรถจักรยานยนต์รุ่นระดับตำนาน ชูจุดเด่นด้านการเป็นรถจักรยานยนต์ต้นแบบ เหนือกาลเวลา สไตล์ย้อนยุค มาพร้อมสีให้เลือกถึง 9 สี
ในโอกาสครบรอบ 120 ปี รอยัล เอ็นฟีลด์ ได้นำเอารถจักรยานยนต์รุ่น Classic ที่เป็นตำนานของแบรนด์มามองในมุมใหม่ เพื่อการสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ขึ้นตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ผลลัพธ์ที่ได้คือ All-New Royal Enfield Classic 350 รถจักรยานยนต์คลาสสิกเหนือกาลเวลา ซึ่งถูกพัฒนามาให้มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์กว่าที่เคยให้กับผู้ขับขี่ รวมถึงมีความงามล้ำเลิศ และความมั่นใจในรถจักรยานยนต์รุ่น Classic เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญ
นอกจากนี้รอยัล เอ็นฟีลด์ก็จะเริ่มการผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ โดยร่วมมือกับ GPX ซึ่งถือเป็นการประกาศครั้งสำคัญที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเติบโตในประเทศไทย และต่างประเทศของแบรนด์ อีกทั้งเป็นการประกอบ และผลิตรถจักรยานยนต์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนอกเหนือจากโรงงานในเมืองเชนไน (Chennai) ประเทศอินเดียครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของแบรนด์ด้วย
Classic 350 ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สูบเดียว 349cc ชนิดระบายความร้อนด้วยอากาศ ที่ทันสมัยและได้รับความนิยมทั่วโลก ซึ่งเปิดตัวครั้งแรก Meteor 350 ทำให้ All-new Classic 350 สามารถนำเสนออีกระดับของความสะดวกสบาย ความนุ่มนวล และความประณีตในประสบการณ์การขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 349cc แบบฉีดเชื้อเพลิง ระบายความร้อนด้วยอากาศ/น้ำมัน Classic ให้กำลัง 20.2 bhp ที่ 6100rpm และแรงบิด 27Nm ที่ 4000rpm ส่งผลให้เกิดเสียงดังรบกวนน้อย ขณะที่แรงบิดมีมากพอในทุกรอบเครื่องยนต์ ทำให้การขับขี่สนุกและง่าย และด้วยเพลาบาลานเซอรที่ลดการสั่นสะเทือน ทำให้ Classic ใหม่ ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและทรงตัวดีบนท้องถนน การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างแม่นยำและราบรื่น ด้วยธรรมดาเกียร์ 5 สปีดที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษ ซึ่งมอบอัตราเร่งที่่เร้าใจทั้งในเมืองและนอกเมือง Classic 350 ใหม่ ยังคงรักษาเสียงกระหึ่มของท่อไอเสียไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน
Classic 350 ถูกออกแบบและพัฒนาโดยทีมนักออกแบบและวิศวกรมากความสามารถที่ศูนย์เทคโนโลยีล้ำสมัยสองแห่งของ รอยัล เอ็นฟีลด์ ในประเทศอินเดีย และสหราชอาณาจักร โดยมีการสร้างขึ้นมาป็นพิเศษเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับขี่จะได้ประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมเมื่อ ได้ลองขี่ Classic 350 ใหม่ แชสซีก็ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อความสะดวกสบายและความคล่องตัวที่เหนือกว่า ทั้งยังมีความแข็งแรงมากขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทำความเร็วสูงขึ้นขณะเข้าโค้ง และให้ความรู้สึกมั่นคงและยึดเกาะถนนทางตรงได้ดีเยี่ยมเช่นกัน ระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังได้รับการพัฒนาอย่างครบถ้วนทุกรายละเอียดเพื่อให้นั่งบนอานได้อย่างสบายยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการใช้หลักสรีระศาสตร์ในการขับขี่ที่ดีขึ้นและการเบรกที่มั่นใจมากขึ้น Classic ให้ความรู้สึกคล่องตัวและตอบสนองได้ดี จึงมั่นใจได้ว่าประสบการณ์การขับขี่ในแต่ละครั้งจะเป็นประสบการณ์ที่ดีขึ้น
Royal Enfield Classic 350 มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วยโทนสี 9 สี เริ่มด้วย Classic Chrome, Classic Signals, Dark series และ Halcyon series
Classic Chrome เป็นรุ่นพรีเมี่ยมที่โดดเด่น สะท้อนถึงรูปลักษณ์และความรู้สึกที่สวยน่ามองทุกรายละเอียดของรถจักรยานยนต์อังกฤษนับตั้งแต่ปีค.ศ. 1950 มีให้เลือกในสีทูโทนในสองคู่สี คือ Chrome Red และ Chrome Bronze โดย Chrome series สื่อสัญลักษณ์ที่แท้จริงของอดีตด้วยตรารถถังที่โดดเด่น ซึ่งเสริมแต่งโดยรถจักรยานยนต์รอยัล เอ็นฟีลด์ในยุคปีค.ศ. 1950
Classic Signals มีให้เลือกในสี Marsh Grey และ Desert Sand ส่วนรูปลักษณ์จะเน้นความเกี่ยวพันระหว่างรอยัล เอ็นฟีลด์กับกองทัพ แต่ละคันจะมาพร้อมกับตราสัญลักษณ์และกราฟิกรวมถึงหมายเลขบนถังน้ำมันที่ไม่ซ้ำกัน
Dark series เป็นรุ่นที่สะท้อนความเป็นหนุ่มสาว ทันสมัยในแบบฉบับชีวิตเมือง โดยมาในสี Stealth Black และ Gunmetal Grey และมาพร้อมกับล้ออัลลอยด์และยางแบบไม่มียางใน
Halcyon series ตามชื่อคือการเฉลิมฉลองมรดกตกทอดของ Classic และสะท้อนถึงรูปลักษณ์คลาสสิกย้อนยุคอันรุ่งโรจน์ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Green, Grey และ Black
ทุกรุ่นติดตั้งดิสค์เบรกหน้าและหลังพร้อม ABS แบบ 2 ทิศทาง
ทุกแง่มุมของรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ได้รับการอกแบบใหม่ทั้งคัน สะท้อนสไตล์ของรถจักรยานยนต์อังกฤษยุคหลังสงครามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ พร้อมความกลมกลืนของเส้นสายและลวดลายที่ไหลจากด้านหน้าไปยังส่วนท้ายที่ยังคงทำให้ Classic 350 เป็นรถจักรยานยนต์ที่มีรูปลักษณ์ที่สวยงามโดดเด่น มาพร้อมถังทรงหยดน้ำ ไฟหน้าแบบมีปีกหมวกอันเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของรอยัล เอ็นฟีลด์ และไฟหรี่ดีไซน์ใหม่
แผงหน้าปัดแบบ digi-analog ใหม่ มีจอแสดงผล LCD ที่ทันสมัย มีจุดชาร์จ USB อยู่ใต้แฮนด์เพื่อความสะดวกในการชาร์จอย่างรวดเร็วขณะเดินทาง