Lifestyle

ถ้า "เดินป่า" เราจะได้ออกกำลังกาย แต่ถ้า "อาบป่า" เราจะได้กำลังใจ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมื่อคนส่วนมากรู้จักการเดินป่า แต่ คนส่วนน้อยถึงจะรู้จักการ "อาบป่า" บทความนี้เลยจะมาเล่าให้ฟังว่า การ "อาบป่า" แท้จริงคืออะไร หากกล่าวโดยคร่าว การเดินป่าเป็นการออกกำลังกาย ส่วนการอาบป่าเป็นการออกกำลังใจ

การอาบป่า เป็น กิจกรรมอย่างหนึ่งที่คล้ายกับการเดินป่าแต่ต่างกันตรงที่การเดินป่าจะเป็นการขึ้นป่าเขาเพื่อชมวิว ทิวทัศน์ กางเต็นท์ แคมปิ้ง สังสรรค์ แต่ การอาบป่ากลับเป็นการเข้าป่าเพื่อเอาตัวออกจากความวุ่นวายเพื่อพักผ่อน สงบจิตใจ และแม้ศาส์ตร์การอาบป่าจะมีที่มานี้มีที่มาจากประเทศญี่ปุ่น แต่ ที่บ้านกลางทุ่งโฮมสเตย์  จ.กาญจนบุรี ก็จัดกิจกรรมสำหรับการอาบป่าให้คนไทยได้ไปลอง พักใจ กันดูเหมือนกัน

 

พวกเราได้มีโอกาสพูดคุยกับ น้าแอ๊ด (ทิพวัน ถือคำ) ผู้ประกอบการโฮมสเตย์คนแรกที่ริเริ่มนำแนวคิดการอาบป่ามาทดลองใช้กับแขกผู้เข้าพัก ถึงเรื่องราวการเริ่มต้นกิจกรรมการอาบป่าแกเล่าถึงที่มาการอาบป่าว่า "เดิมทีเลยเริ่มจากการปลูกต้นไม้ชวนกันปลูกต้นไม้ปลูกป่าในพื้นที่แถวๆนี้...แต่น้าไม่ประสบความสำเร็จในการปลูกต้นไม้บนดินเพราะดินที่นี่มันแห้งแล้ง ก็เลยเปลี่ยนไปศึกษาเรื่องการอาบป่าจากหนังสือของ ดร.ชิง ลี หัวหน้านักวิจัยเรื่องการอาบป่าในประเทศญี่ปุ่น แล้วพบว่า

"การอาบป่าช่วยลดความเครียด ช่วยให้นอนหลับสบาย ช่วยให้ระบบความดันเลือดดีขึ้น และยังพบว่าในธรรมชาตินั้นมีสารที่ชื่อว่าไฟทอนไซด์ ( Phytoncide) เป็นกลิ่นที่มาจากต้นไม้ และกลิ่นจากธรรมชาตินี้ส่งผลให้คนเรารู้สึกผ่อนคลาย ลดภาวะซึมเศร้า และ เสริมภูมิป้องกันตัวเอง"

 

ถ้า "เดินป่า" เราจะได้ออกกำลังกาย แต่ถ้า "อาบป่า" เราจะได้กำลังใจ

ส่วนวิธีการอาบป่าในวิถีงน้าแอ๊ดที่บ้านกลางทุ่งโฮมสเตย์ ก็ไม่มีอะไรมากเพียงแค่คุณมาพักผ่อนที่นี่ จากนั้นในทุก ๆ เช้าวันถัดมาน้าแอ๊ดจะชวนคุณเดินเข้าป่า พูดคุยกันแต่น้อยให้พอเข้าใจ จากนั้นน้าจะปล่อยให้แต่ละคนต่างคนต่างอยู่ในความสงบ และ สมาธิเพื่อ เปิดสัมผัสทั้ง 5  นั่นคือ : รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสในการรับรู้ แล้วพาเดินเข้าป่าอย่างไร้จุดหมาย ค่อย ๆ เดินและจะอยู่ในป่าประมาณ 20 นาที

น้าแอ๊ดอธิบายถึงการเปิดสัมผัสทั้ง 5 ว่า

รูป คือการมองดู และ ชื่นชมธรรมชาติรอบตัว เก็บภาพบรรยากาศของธรรมชาติ

รส คือการลองกินผลไม้จากป่าแบบสด ๆ อย่างเช่นหากเราเจอผลลูกหว้าเราก็สามารถเด็ดกินได้เลยเพื่อรับรู้ถึงรสชาติฝาด หวาน เปรี้ยวแบบธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง

กลิ่น คือการการสูดกลิ่นธรรมชาติทำให้ร่างกายสดชื่นหายใจได้เต็มปอด กลิ่นของป่าเป็นกลิ่นของการบำบัดอย่างที่น้าแอ๊ดกล่าวในข้างต้น

เสียง คือการฟังเสียงของลมพัดผ่านใบไม้ การได้ยินเสียง'แกร๊ก' เสียงย่ำเท้าไปบนเศษใบไม้ การได้ฟังเสียงสนทนาระหว่างใบไม้กับนก เสียงทั้งหมดล้วนแล้วเป็นการเพิ่มสมาธิและกระตุ้นความคิดได้ดี

สัมผัส คือการ การโอบกอดและลูบไล้ใบไม้และลำต้น รู้สึกถึงสัมผัสที่อบอุ่น ใจเรานิ่งขึ้น เราพึงพอใจต้นไม้ใบหญ้าต้นไหนเราเดินไปกอดเลย หรือ คุณจะนั่งใต้ต้นไม้แล้วเอนพิงเพื่อคลายเหนื่อยเหมือนคุณนั่งพิงเพื่อนหรือคนที่รู้ใจ และถ้าคุณเปิดใจคุณจะรับรู้ได้จริง ๆ

น้าแอ๊ดยังเล่าต่อว่า

"เราอาบป่าเพื่อสุขภาพกายและใจของเรา เคยสังเกตมั้ยว่าเวลาเราเที่ยวธรรมชาติเราจะรู้สึกสดชื่น เราจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นดิน กลิ่นต้นไม้ ดอกไม้ ใบหญ้า แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าทำให้รู้สึกอบอุ่น กลิ่น และสัมผัสของธรรมชาติเหล่านี้ช่วยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกถึงความสดชื่นผ่อนคลาย และ รู้สึกสบายใจ... ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อผู้คนรู้สึกว่าเครียด หรือ ป่วยจากการทำงาน หมอจะสั่งให้ไปอาบป่าแทนการสั่งยาโดยการไปอาบป่านั้นไม่ถือว่าเป็นวันลางาน"

ถ้า "เดินป่า" เราจะได้ออกกำลังกาย แต่ถ้า "อาบป่า" เราจะได้กำลังใจ

 

ที่มารูปภาพ :
www.nairobroo.com

logoline