ไลฟ์สไตล์

ดูสวนเกษตรผสมผสานที่ดำเนินฯงานท้าทาย"สุทธิศักดิ์ ไตรสันติกุล"

ดูสวนเกษตรผสมผสานที่ดำเนินฯงานท้าทาย"สุทธิศักดิ์ ไตรสันติกุล"

21 ก.พ. 2553

ความสุขในบั้นปลายชีวิตไม่ได้วัดกันที่ตัวเงินตราหรือความสำเร็จในทางธุรกิจสำหรับ "สุทธิศักดิ์ ไตรสันติกุล" เจ้าของบริษัท ที แอนด์ ที แอสโซซิเอท จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ ที่ปัจจุบันหันมาเนรมิตสวนเกษตรผสมผสาน บนเนื้อที่กว่า 9 ไร่ ที่บ้านศรี

"ท่องโลกเกษตร" อาทิตย์นี้จะพาไปเยี่ยมชมสวนเกษตรผสมผสานของคุณสุทธิศักดิ์ ไตรสันติกุล นักธุรกิจใหญ่ ที่ตั้งใจใช้ชีวิตในบั้นปลายอยู่กับท้องไร่ท้องนา หันมาสวมหมวกเกษตรกรเต็มขั้นอย่างที่หวัง หลังประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ โดยปรับปรุงพื้นที่ 9 ไร่เศษ ที่ซื้อทิ้งไว้เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน มาพัฒนาเป็นสวนเกษตรผสมผสาน โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเครื่องมือนำทาง

 "ที่ดินผืนนี้เมื่อก่อนเป็นสวนส้มเก่า ได้มาด้วยความบังเอิญ คือเจ้าของเขาเดือดร้อนเงิน จึงมาบอกขายผม ก็เลยซื้อไว้ในราคาไร่ละ 1.5 แสนบาท เมื่อปี 2544 ซื้อทิ้งไว้ไม่ได้ทำอะไร ก็เลยให้เจ้าของเดิมเขาดูแลต่อไปฟรีๆ อีก 3 ปี แต่หลังจากนั้นก็นำที่ดินผืนดังกล่าวมาพัฒนาเป็นสวนเกษตรผสมผสานปลอดสารเคมี ตามแนวพระราชดำริ เพราะตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตในบั้นปลายที่นี่" สุทธิศักดิ์ย้อนอดีตให้ฟังระหว่างพาทีมงานเยี่ยมชมสวน

 สุทธิศักดิ์เผยว่า หลังจากเจ้าของเดิมออกไปเมื่อปี 2547 จากนั้นก็พัฒนาปรับเปลี่ยนพื้นที่ใหม่ทั้งหมด โดยโค่นสวนส้มเดิมทิ้ง แล้วปรับพื้นที่ใหม่ เพื่อปลูกพืชผักสมุนไพรและผลไม้หลากหลายชนิดในลักษณะของสวนเกษตรผสมผสาน เพื่อต้องการให้มีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตตลอดทั้งปี ซึ่งการทำสวนเกษตรนั้นจะไม่ใช้สารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น เพราะต้องการทำเป็นสวนเกษตรปลอดสารพิษ 100% เนื่องจากมีความตั้งใจจะมาใช้ชีวิตในบั้นปลายที่สวนแห่งนี้

 ปัจจุบันสวนเกษตรผสมผสานของคุณสิทธิศักดิ์ให้ผลผลิตพืชผักสมุนไพรและผลไม้ที่หลากหลาย อาทิ กล้วยชนิดต่างๆ เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยหอมทอง กล้วยไข่ แต่ที่ทำรายได้หลักก็คือกล้วยน้ำว้า นอกจากนี้ก็มีฝรั่ง ชมพู่ มะม่วงพันธุ์ต่างๆ ส้มโอ อ้อย ส่วนพืชผักและสมุนไพร อาทิ ตะไคร้ ผักบุ้ง คะน้า มะเขือ พริก สะเดา ฯลฯ ผลผลิตส่วนใหญ่จะส่งจำหน่ายที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ซึ่งอยู่ห่างจากสวนออกไปประมาณ 2 กิโลเมตรเศษ โดยมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงสวน ทุกวันนี้ผลผลิตก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะทางสวนต้องการเน้นความหลากหลาย ไม่ได้เน้นปริมาณเพื่อสร้างรายได้จากขายผลผลิตอย่างเดียว

 "ตอนนี้รายได้หลักมาจากกล้วยน้ำว้าและตะไคร้ ซึ่งจะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ ส่วนพืชชนิดอื่นๆ ก็มี แต่ไม่มาก แต่มีรายได้ตลอดทั้งปี เพราะมีผลผลิตให้เก็บทุกวัน แม้จะไม่มาก แต่พอสำหรับดูแลคนงานและการบริหารจัดการสวน คือมีรายได้ทุกวัน ส่วนรายจ่ายแทบจะไม่มี เพราะในสวนมีครบทุกอย่าง ซื้อแต่เฉพาะข้าวสารและของจำเป็นเท่านั้น ในร่องสวนก็จะเลี้ยงปลาชนิดต่างๆ เอาไว้ เช่น ปลาตะเบียน ปลานิล ปลาหมอ ฯลฯ ตอนนี้กำลังปรับร่องสวนให้เป็นโรงเรือนเพาะเห็ดโคนญี่ปุ่น หลังจากทดลองสร้างมาแล้ว 1 โรง ปรากฏว่าเห็ดให้ผลผลิตดีมาก ตอนนี้ก้อนเห็ดซื้อจากสวนจิรวุฒิ ต่อไปคงจะทำก้อนเชื้อเอง" เจ้าของสวนเกษตรผสมผสานแจงรายละเอียดการบริหารจัดการสวน

 แม้ว่าการเนรมิตสวนเกษตรผสมผสานแบบครบวงจรจะเป็นเรื่องยากและต้องใช้เวลาสำหรับผู้ที่มีเงินทุนน้อย แต่สำหรับสิทธิศักดิ์เงินไม่ใช่ตัวปัญหา หากแต่ความรู้เรื่องการเกษตรกลับมีความสำคัญมากกว่า จึงต้องใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้งานเกษตรด้านต่างๆ ตลอดเวลา ทั้งจากตำรา ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนการอบรมวิชาการเกษตรคอร์สสั้นๆ ที่น่าสนใจ โดยใช้เวลาว่างจากงานประจำมาทำกิจกรรมตรงนี้

 สุทธิศักดิ์ย้ำถึงความตั้งใจในการทำสวนเกษตรผสมผสาน โดยระบุว่า ต้องการทำให้เป็นสวนเกษตรตัวอย่างที่ปลอดสารพิษ 100% ที่สำคัญต้องการทำให้เป็นสวนตัวอย่างครบวงจรสำหรับการเรียนรู้ของเกษตรกรในอนาคตด้วย ซึ่งมองว่าการทำเกษตรทุกวันนี้ เกษตรกรจะเน้นเรื่องการผลิตอย่างเดียว แต่ขาดการมองปัญหาแบบองค์รวม ทั้งการผลิต การบริหารจัดการและการตลาดต้องทำควบคู่กันไป โดยใช้ระบบเกษตรอินทรีย์เป็นตัวนำการผลิต 

 ขณะที่มุมมองของ อ.จิรวุฒิ อินทรานุกูล เจ้าของสวนเห็ดจิรวุฒิ ผู้ผลิตและจำหน่ายเห็ดโคนญี่ปุ่น กล่าวระหว่างนำคณะเยี่ยมชมสวนเกษตรของคุณสิทธิศักดิ์ โดยยอมรับว่าเป็นสวนเกษตรผสมผสานที่สมบูรณ์แบบส่วนหนึ่ง ทั้งเรื่องความหลากหลายของพืชผัก ผลไม้และการจัดวางผังพื้นที่แปลงเกษตร ในส่วนของโรงเพาะเห็ดถือว่าทำได้ดีมาก สร้างได้ตามสูตรที่นักเพาะเห็ดมืออาชีพทำกัน

 "เป็นสวนเกษตรที่ดีมากสวนหนึ่ง จะสังเกตได้ว่าในทุกอณูของพื้นที่เขานำมาใช้ประโยชน์ได้หมด มีการวางผังแปลงเกษตรดีมาก ที่สำคัญเขายังนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริมาใช้ในการดำเนินงานและบริหารจัดการ ไม่ใช่แค่ว่ามีเงินแล้วก็ทุ่มลงไป โดยไม่สนใจว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เงินทุกบาททุกสตางค์ พื้นที่ทุกตารางนิ้วต้องใช้ให้คุ้มค่า ผมว่านี่คือจุดเด่นของสวนแห่งนี้ ที่ทางเจ้าของสวนตั้งใจไว้" อ.จิรวุฒิให้มุมมอง

 กว่า 5 ปีที่สวนเกษตรอินทรีย์ผสมผสานแห่งนี้ได้สร้างขึ้นและพัฒนาไปสู่สวนเกษตรแบบครบวงจร โดยมีเป้าหมายเพื่อการขยายผลสู่เกษตรกรในบริเวณใกล้เคียงตามความตั้งใจของเจ้าของสวน จึงไม่แปลกใจที่ในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์หรือว่างเว้นจากงานประจำ จะเห็นชายวัยกลางคนทิ้งมาดนักธุรกิจหันมาสวมหมวกเกษตรกรเต็มตัวอยู่ในสวนของตัวเอง

สุรัตน์ อัตตะ