ไลฟ์สไตล์

สธ.สรุปห้ามขายเหล้า-เบียร์3วัน12-14เม.ย

สธ.สรุปห้ามขายเหล้า-เบียร์3วัน12-14เม.ย

11 มี.ค. 2552

สรุปสธ.ชงห้ามขายเหล้า เบียร์ สงกรานต์ 3 วัน 12-14 เม.ย. ยกเว้นให้ร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงแรม ขายได้หลัง 6 โมงเย็น-เที่ยงคืน ส่วนร้านชำ สะดวกซื้อ ห้างฯ ห้ามขายเด็ดขาดตลอดทั้งวัน เครือข่ายแอลกอฮอล์ฯรับไม่ได้สัปดาห์หน้าเตรียมระดมพลกดดัน“เสธหนั่น”

นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ในการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอออล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สธ.มีจุดยืนหลักในการรักษาชีวิตทุกชีวิต โดยการไม่เพิ่มผู้ป่วยจากอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล ไม่ได้อยู่บนฐานของผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ประกอบการร้านค้า และไม่ได้อยู่บนฐานของฝ่ายคัดค้านการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเพียงมาตรการหนึ่งในความพยายามลดการเกิดอุบัติเหตุ
 “ไม่มีใครแพ้ใครชนะ และคงไม่มีใครที่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการหมดทุกอย่าง เพราะทุกคนต้องอยู่บนฐานของความจริง ผมจะรู้สึกเสียใจมากหากฝ่ายคัดค้านการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มองว่า รมว.สาธารณสุข เข้าข้างบริษัทขายเหล้า”นายวิทยากล่าว
 นายมานิต นพอมรบดี รมช.สธ. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประธาน ที่อาคารรัฐสภาโดยใช้เวลาประชุมนานร่วม 2 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมมีมติเสนอแนวทางการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2 แนวทาง คือ 1.ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-14 เมษายน ตลอด 24 ชั่วโมง
 และ2.ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-14 เมษายน แต่ยกเว้นให้ร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงแรม ที่มีใบอนุญาตจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากกรมสรรสามิตร สามารถจำหน่ายได้ตั้งแต่เวลา 18.00 น.-24.00 น. ส่วนร้านค้าทั่วไป ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า ไม่อนุญาตให้ขายในช่วง 3 วันดังกล่าว ทั้งนี้ สธ. จะทำหนังสือรายงานมติดังกล่าวให้คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ รับทราบต่อไป
 “สธ. ได้พิจารณาอย่างรอบคอบทุกด้านแล้ว ซึ่งข้อยกเว้นให้ร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงแรม เป็นไปตามที่ได้มีกลุ่มผู้ประกอบการร้องเรียนมาหากห้ามขายเหล้า เบียร์ ตลอดทั้งวันจะกระทบกับการท่องเที่ยวและธุรกิจอย่างมาก ดังนั้นจึงผ่อนปรนให้ขายได้ในช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น และต่อไปสธ. จะไม่มีการประชุมหรือหารือเรื่องนี้อีก ส่วนขั้นตอนต่อไป เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายฯ จะเป็นผู้ตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายว่าจะเลือกแนวทางใด ซึ่งอาจจะเลือกห้ามขายตลอด 24 ชั่วโมงก็ได้” นายมานิต กล่าว
 นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การที่สธ.เสนอ 2 แนวทางนั้น นำมาจากการรับฟังความคิดเห็นของหลายภาคส่วนทั้งเครือข่ายต่อต้านเครื่องดื่มแอลดกอฮอล์ นักวิชาการ ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของกฎหมายต้องการเพื่อควบคุมผลกระทบจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ได้ห้ามการดื่ม จึงเป็นแนวคิดว่า การซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากร้านสะดวกซื้อ ร้านชำ จะมีความเสี่ยงที่ผู้ดื่มจะดื่มจนเกินพอดีและเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าการดื่มในโรงแรม หรือ ร้านอาหาร และเชื่อว่าผู้ดื่มคงจะไม่ซื้อเครื่องดื่มจากแหล่งดังกล่าวเพราะมีราคาแพงกว่ามาก
 ด้านนายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า รับไม่ได้ที่สธ.จะเปิดช่องลักษณะนี้ เพราะสธ.เป็นหน่วยงานที่ต้องปกป้องสุขภาพของประชาชน แต่กลับคำนึงถึงผลประโยชน์ของฝ่ายธุรกิจ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะแสดงพลังครั้งใหญ่เดินทงไปพบพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติแทน เพื่อขอความชัดเจนในเรื่องนี้ โดยผู้ที่จะไปเรียกร้องจะเป็นญาติของผู้สูญเสีย ผู้พิการที่เกิดจากพิษน้ำเมา ซึ่งแตกต่างจากภาพของคนปกติที่ไปเรียกร้องเพื่อผลประโยชน์เม็ดเงินกำไรจากการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็จะวัดใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะเป็นอย่างไร
 “เชื่อว่า เมื่อแนวทางดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายฯจะถูกตัดทอนไปอีก เพราะหลังจากนี้ก็จะมีกลุ่มธุรกิจที่ห้ามไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย เช่น ร้านโชว์ห่วย ร้านสะดวกซื้อก็จะมาเรียกร้องผลประโยชน์ของตัวเอง แต่หากถูกลดทอนในชั้นคณะกรรมการนโยบายฯก็ไม่เสียใจเท่ากับที่สธ.เปิดช่องทั้งที่ควรทำหน้าที่ปกป้องสุขภาพประชาชน”นายคำรณกล่าว