"ส้มยูซุ" มาจากไหน ก่อนจะมาเป็นเครื่องดื่มสุดฮิต

คนที่ติดใจรสชาติ "ส้มยูซุ" นั้นจะติดใจความเปรี้ยวกว่ามะนาว 3 เท่า ติดใจกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ส่วนสีของยูซุจะสีเหลืองอย่างเลมอนแต่ลูกใหญ่กว่า ผิวขรุขระ ส่วน-รสชาติคล้ายเกรปฟรุตและส้มแมนดารินรวมกัน 

ส้มชนิดนี้จะเป็นผลไม้ที่ปลูกในบริเวณที่มีอากาศร้อนชื้น บริเวณชายฝั่งทะเล พบมากในประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น เอกลักษณ์ของส้มชนิดนี้คือ เม็ดใหญ่ ผิวขรุขระ ที่สำคัญคือเปลือกหนา เนื้อน้อย จึงเป็นส้มที่ไม่นิยมกินเนื้อ แต่ในข้อเสียก็มีข้อดี ตรงที่เปลือกหนานั้นจะทำให้ส้ม มีน้ำมันผิวส้มเยอะมากเป็นพิเศษ มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หอมมาก ไม่เหมือนส้มอื่นๆ อีกทั้งยังมีวิตามินและสารอาหารมากเป็นพิเศษ

ส้มยูซุ ถูกนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่มหลากหลายอย่าง เช่น เครื่องดื่มจากส้มยูซุ แยมยูซุ เค้กส้มยูซุ ไอศครีมส้มยูซุ ส้มยูซุมีวิตามินซี ช่วยบำรุงร่างกาย อย่างชาส้มยูซุช่วยบรรเทาอาการไอเจ็บคอ และช่วยสร้างความสดชื่นในวันร้อน ๆ ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนำมารับประทานแล้ว "ส้มยูซุ" ยังถูกนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ เช่น เครื่องสำอางและยา ในประเทศญี่ปุ่นนิยมนำส้มยูซุไปลอยในอ่างน้ำหรือในบ่อน้ำร้อนในช่วงฤดูหนาว นับเป็นวิธีที่ถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยเอโดะ นอกจากกลิ่นที่ทำให้รู้สึกสดชื่นของผลส้มยูซุแล้ว ยังช่วยให้ไม่เป็นหวัดและยังช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง อีกทั้งกลิ่นและน้ำมันหอมระเหยจากผลส้มยูซุช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ช่วยเรื่องไขข้อ ระบบประสาท มีประสิทธิภาพในการฟื้นตัวจากความเมื่อยล้า ผ่อนคลายความตึงเครียดและยังบำรุงผิวพรรณ

ที่มาข้อมุลและรูปภาพ:
www.yujahan.com