ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และไต้หวันเคยใช้ผงจาก "นอแรด" แทนยาจนเกือบสูญพันธุ์

ตลาดนอแรด

ในช่วงเวลาระหว่างปี 1970 และ 1980 ร้านขายยาในญี่ปุ่น  เกาหลีใต้ และไต้หวัน  ผู้คนสามารถซื้อเขาแรดได้โดยที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งซื้อจากแพทย์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนแรดค่อยๆ ลดลงน้อยลงจนเกือบสูญพันธุ์ และนอแรดได้รับการพิสูจน์ผ่านการทดลองทางวิทยาศาสตร์ในภายหลังว่าผงจากนอแรดไม่ได้มีสรรพคุณทางยาจริง ประเทศเหล่านนั้นจึงสั่งห้ามสารจากนอแรดในที่สุด

ในช่วงกลางทศวรรษ 2000 ในปี 2550  เมื่อตลาดนอแรดเริ่มไม่ได้รับความสนใจเพราะการรณรงค์ไม่ให้มีการค้าแรด ทำให้แรดเหลือเพียง 13 ตัวในแอฟริกาใต้ แต่เมื่อภายในปี 2014 จำนวนความต้องการแรดนั้นกลับเพิ่มขึ้นเกือบสิบเท่าเป็น 1,215 ตัว ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากชนชั้นกลางระดับที่กำลังเติบโตใน เวียดนาม และจีน 

อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษาวิจัยผู้บริโภคที่ได้รับมอบหมายจากองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสัตว์ป่าแห่งสหราชอาณาจักร บรรดาคนเวียดนามและชาวจีนที่ร่ำรวย นั้นใช้แรดเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองและเป็นเครื่องแสดงฐานะทางสังคม โดยพวกเขาจะนิยมมอบนอแรดเป็นของขวัญในงานโอกาสต่าง ๆ ทั้งยังนำกลับมาใช้เป็นยา เอาไว้แก้เมาค้าง และบริโภคเพื่อล้างพิษในร่างกาย 
 

ทุกวันนี้ เครือข่ายอาชญากรต้านอแรดขยายข้ามพรมแดนจากประเทศในเอเชียตะวันออกไปจนถึงแอฟริกาตอนใต้ 

ทำให้ในอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ (Kruger) ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นที่อยู่ของแรดขาวที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก ปัจจุบันยังเต็มไปด้วยผู้ลักลอบล่าสัตว์ล่าแรดอยู่ ซึ่งได้มีการบันทึกไว้ว่า เหล่านักล่าจะสะกดรอยตามสัตว์ป่าตามชายแดนโมซัมบิกในยามพลบค่ำ หรือ วางตัวเป็นนักท่องเที่ยวซ่อนอาวุธเอาไว้ในยานพาหนะเพื่อยิง และ ฟันแรดเพื่อลักลอบขโมยนอแล้วจึงปล่อยให้ศพเอาไว้ในอุทยาน

ที่มาข้อมูล:
https://www.discovermagazine.com