
กะทิ ไข่ ใบเตย และน้ำตาล คือ เสน่ห์ “ขนมไทย” ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
อาหารถือเป็นหนึ่งใน ปัจจัย 4 ของคนทุกคนไม่ว่าจะเกิดในยุคสมัยไหน ประเทศใด หรือนับถือศาสนาอะไรก็ตาม และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดอาหารนานาชนิดขึ้นมามากมายให้สอดรับกับยุคสมัยและวัฒนธรรมของตัวเอง "ขนมไทย" ก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น
ยุคสมัยปัจจุบันที่สากลโลกเขาเรียกว่า The 21st Century หรือ ศตวรรษที่ 21 เป็นยุคที่โลกมีการส่งต่อข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็วทำให้สินค้าต่างๆ สามารถส่งข้ามประเทศได้อย่างว่องไวมากขึ้น สินค้าที่เราพูดถึงนี้รวมไปถึง “ขนม” ด้วย
เมื่อขนมจากนานาชาติได้เข้ามาทำให้คนไทยมีโอกาสเปิดประสบการณ์การลิ้มลองรสชาติขนมใหม่ๆ มากขึ้น ไม่ว่าครัวซองจากประเทศฝรั่งเศส บิงซูจากประเทศญี่ปุ่น หรือ ทาร์ตไข่จากประเทศฮ่องกง อาจทำให้บางทีเราลืมของดีใกล้ตัวอย่าง “ขนมสัญชาติไทย”
ความเป็นขนมไทย
“ขนมไทย" มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมของความเป็นไทย นอกจากจะมีความงดงามวิจิตร ละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทำแล้ว ยังมีรสชาติที่หวานนัวและมัน มีหอมกลิ่นพืชพรรณจากธรรมชาติ และกลิ่นอบร่ำควันเทียน อีกทั้งขนมแต่ละชนิดยังมีชื่อเรียกที่บ่งบอกถึงคุณค่า และแฝงไปด้วยความหมายอันเป็นสิริมงคลขนมไทย อย่างไรก็ตามขนมที่เราว่าเป็นคนไทยบางชนิดก็อาจไม่ใช่ขนมไทยซะทีเดียว เพราะอย่างขนมตระกูลทองหยิบทองหยอดที่มีส่วนผสมของ ‘ไข่’ คนไทยนั้นได้รับอิทธิพลมาจากประเทศโปรตุเกสในช่วงที่มีการทำการค้าระหว่างกัน แต่ถ้าจวบจนวันนี้ สิ่งที่ทำให้คนไทยเป็นขนมไทยอย่างที่เราเข้าใจกันจะมีส่วนปนะกอบของ
1.กะทิ
2.น้ำตาล
3.ไข่
4.สมุนไพรหอมต่างๆ เช่น ใบเตย กระเจี๊ยบ มะตูม ตะไคร้
ขนมไทยหากินยากในสมัยนี้
- ข้าวต้มมัด
- ขนมถ้วย
- ตะโก้
- ขนมเปียกปูน
- ลอดช่อง
- ขนมครก
- ลูกชุบ
- ข้าวเหนียวมะม่วง
ขนมไทยที่เป็นที่นิยมในสมัยนี้
- เกษรลำเจียก
- ขนมไข่นกกระสา
- ขนมขี้มอด
- ขนมขี้หนู
ถ้าใครคิดถึงขนมเหล่านี้ก็สามารถติดตามรอไปชิมกันได้ตามงานเทศกาลอาหารและขนมไทยเลยนะจ๊ะ เอาไว้ถ้าเราเจองานแบบนี้จัดขึ้นเมื่อไหร่จะรีบคีบข่าวมาบอกเลยจ้า
ที่มาข้อมูล:
welovetogo
sites.google.com/site/62kanomthai