กลัวข้อหา "พรากผู้เยาว์" | คมชัดลึก

จึงให้เด็กเขียนว่า ขณะนี้ข้าพเจ้าอายุ 18 ปีจริง พร้อมกับให้เด็กเซ็นชื่อเป็นหลักฐาน จนต่อมาได้มาเห็นบัตรประชาชน เด็กอายุเพิ่งจะ 15 ปี 
 หลังจากนั้นรู้สึกสงสาร จึงดึงเด็กออกมาจากวงจรนี้ และช่วยเหลือด้านการเงิน เช่น กรณีนัดเจอกัน ผมก็ให้เงินไว้ใช้ เมื่อเด็กบอกว่าพ่อตกงาน ผมก็โอนเงินให้ แม่อยากค้าขาย ผมก็โอนเงินให้ทำทุน (มีหลักฐานการโอนเงิน)
 ครั้งหนึ่งเรามีปัญหากัน ผมบอกขอเลิก แต่เด็กบอกว่า ถ้าเลิกจะบอกพ่อแม่ให้แจ้งตำรวจมาจับผม ทำให้ผมกลัวมากก็เลยไม่กล้าเลิก ต้องติดต่อกันอีก
 มาครั้งนี้ผมรู้ว่าเด็กไม่ได้มีผมแค่คนเดียว และผมก็หมดเงินไปกับเด็กผู้หญิงคนนี้ไปมาก จึงบอกเลิกอีก แต่ผมก็เจอคำขู่อีก
 อยากทราบว่า ผมควรจะทำอย่างไรดี เด็กไม่รู้จักชื่อนามสกุลจริง หลักฐานที่ผมให้เด็กเซ็นรับรองอายุ หลักฐานการโอนเงินให้พ่อแม่และของเด็ก มีความผิดในการข่มขู่แบล็กเมล์ผมได้ไหม
คนโง่
ตอบ
 ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน อาจารย์ชลธิชา สมสอาด คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แนะนำว่า เรื่องนี้ในทางกฎหมายมีอยู่ 2 กรณี คือ ความผิดกระทำชำเรา ถ้าเป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ถือว่าเป็นอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ต้องติดคุกสถานเดียว แต่ถ้าเด็กที่มีอายุเกินกว่า 15 ปีไปแล้ว และถ้าเด็กยินยอมยังถือว่ายอมความกันได้ ไม่ถึงขนาดติดคุก
 ส่วนอีกกรณีคือ เป็นการพรากผู้เยาว์ ซึ่งกรณีนี้ต้องเป็นเด็กที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี แล้วอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง แล้วคุณไปยุ่งเกี่ยวกับเขาโดยที่พ่อแม่เขาไม่ยินยอมหรือไม่รับรู้ อย่างนี้ถือว่ามีความผิดเช่นกัน
 จากข้อมูลที่คุณให้มา ในข่ายของการพรากผู้เยาว์น่าจะตกไป เพราะตอนที่คุณเจอเด็กคนนี้เธอไม่ได้อยู่กับผู้ปกครองแล้วก็เป็นหญิงบริการ แม้ว่าหลังจากนั้นจะหลุดพ้นจากการขายบริการมาแล้ว แต่หลักฐานต่างๆ ที่คุณโอนเงินให้พ่อแม่เด็ก ก็คือว่าพ่อแม่เด็กรับรู้ ดังนั้นไม่น่าจะอยู่ในข่ายนี้
 คงอยู่ในข่ายของกระทำชำเรามากกว่า แต่อย่างที่บอกว่า ถ้าเด็กอายุเกินกว่า 15 ปีแล้ว และถ้าเด็กยินยอม สามารถตกลงกันได้
 คิดว่ากรณีนี้เด็กขู่คุณมากกว่า ดังนั้นไม่ต้องกลัว เพราะคุณเองก็มีหลักฐานว่าเด็กยินยอมคุณไม่ได้บังคับขืนใจ หากมีการพิสูจน์กันว่าเด็กยินยอมจริง เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะต้องติดคุก
ลุงแจ่ม