ไลฟ์สไตล์

ดันนครพนมศูนย์ยางพาราอินโดจีนไม่หวั่นลาว-เวียดนาม

ดันนครพนมศูนย์ยางพาราอินโดจีนไม่หวั่นลาว-เวียดนาม

15 ก.พ. 2553

รมช.เกษตรเดินเครื่องปลูกยางพาราอีสาน ดันนครพนมเป็นศูนย์กลางยางพาราอินโดจีน ไม่หวั่นยางลาว-เวียตนามเป็นคู่แข่งชิงตลาด ขณะที่บริษัท"ไทยฮั้ว"ข้ามโขงลงทุนปลูกยางในลาวแล้วกว่า 2 แสนไร่อีก 3-4 ปี ให้ผลผลิตได้ เล็งเจาะตลาดจีนผ่านถนนอาร์ 9

 นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในวงเสวนา”อนาคตยางพาราอีสานก้าวสู่ศูนย์กลางอินโดจีน”ในงานวันเกษตรลุ่มน้ำโขงที่จังหวัดนครพนมที่ผ่านมาว่า จากตัวเลขเกษตรกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือปลูกยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจมาตั้งแต่ปี 2532 จนกระทั่งในปัจจุบันทางกระทรวงเกษตรร่วมกับสำนักงานกองทุนสวนยาง(สกย.) ส่งเสริมปลูกยางพาราในภาคอีสาน 1 ล้านไร่ บวกกับเกษตรกรที่สนใจปลูกเองรวมกันแล้วประมาณ 2 ล้านไร่ และเปิดกรีด 6 แสนไร่ มีผลผลิตน้ำยางออกสู่ตลาด 1.2 แสนตันและในอีก 3 ปีข้างหน้า จะมีพื้นที่เปิดกรีดไม่ต่ำกว่า 1 ล้านไร่ จะมีน้ำยางออกสู่ตลาดถึง 2-3 แสนตัน

 แต่ประเด็นที่เกษตรกรปลูกยางเป็นห่วงในอนาคตคือน้ำยางล้นตลาดเนื่องจากในลาวเวียตามกัมพูชาก็มีการบูมปลูกยางเช่นกันในห่วง 3 ปีนี้และอีกประมาณ 3-4 ปีก็จะเปิดกรีดซึ่งทำให้เกษตรกรหวั่นวิตกว่ายางจะราคาตกนั้นซึ่งเรื่องนี้ตนอยากบอกว่าเกษตรกรไม่ต้องวิตกเนื่องจากตลาดยางยังไปได้สวยเนื่องจากตลาดต้องการมากใหญ่ที่สุดคือจีน อินเดีย และกลุ่มประเทศยุโรปอเมริกาและที่สำคัญในภาคใต้และมาเลเซียอินโดนีเซียมีพื้นที่ปลูกยางลดลงถึงแม้จะมียางจากลาว เวียตนาม ออกมาก็ไม่ส่งผลกระทบ สิ่งที่ตนผลักดันให้นครพนมเป็นศูนย์ยางพาราสู่อินโดจีนนั้น

 เพราะเป้าหมายตลาดใหญ่ที่สุดใกล้ที่สุดสำหรับเกษตรกรปลูกยางพาราในภาคอีสานคือประเทศจีนที่ใกล้ที่สุด ผ่านถนนอาร์ 9 ประมาณ 1,000 กิโลเมตร โดยผ่านจังหวัดนครพนม ซึ่งสอดคล้องกับโครงการก่อสร้างสะพานข้ามโขงที่กำลังก่อสร้างในขณะนี้คืบหน้าประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบัวใหญ่ผ่านหลายจังหวัด มาที่จังหวัดนครพนมซึ่ง ครม.ได้ผ่านความเห็นชอบเมื่อเร็วนี้ในขณะที่รัฐบาลลาวก็ได้เห็นชอบที่จะให้ทางรถไฟผ่านสะพานข้ามโขงนครพนมเข้าลาวที่แขวงคำม่วนฯซึ่งเป็นองค์ประกอบให้นครพนมเป็นศูนย์กลางยางพาราสู่อินโดจีนยางอีสานทั้งหมดจะผ่านนครพนมเข้าลาวไปจีน

 ด้านนายหลักชัย กิตติพล กรรมการใหญ่บริษัทไทยฮั้วยางพาราจำกัด มหาชนเปิดเผยว่า ทางบริษัทได้เข้าไปลงทุนปลูกยางพาราใน สปป.ลาวตั้งแต่ปี 2549 โดยร่วมทุนกับนักธุรกิจลาวตั้งบริษัทลาวไทยฮั้วยางพาราจำกัดสัดส่วนการลงทุน 51-49 ปลูกยางพารา 2 แสนไร่ระยะเวลา 5 ปี 49-53 ปลูกแล้วกว่า 1 แสนไร่ในปี 53 น่าจะครบ 2 แสนไร่ เหตุที่บริษัทเข้าไปลงทุนปลูกยางในลาวเนื่องจากพื้นที่ปลูกยางในไทยไม่มีผืนดินใหญ่หลักหมื่นหลักแสนไร่จะปลูกได้แต่เป็นหย่อมๆ 10-1,000 ไร่ เท่านั้น แต่ในลาวมีดินผืนใหญ่รองรับ  ทำให้เป็นบริษัทแรกของไทยเข้าไปลงทุนปลูกยางในลาว ส่วนจีนและเวียตนามเข้ามาลงทุนก่อน 2 ปี

 สำหรับพื้นที่ปลูกยาง 2 แสนไร่ ที่บริษัทปลูกยางในลาวมีสัญญาเช่า 40 ปีและสามารถต่อสัญญาได้อีก 40 ปี นอกจากนั้นบริษัทยังได้เข้าไปทำคอนแทร็กฟาร์มมิ่งกับเกษตรกรลาวอีก 1 แสนไร่ รวมพื้นที่ปลูกยางของบริษัทในลาวรวม 3 แสนไร่กระจายอยู่ในหลายแขวงเช่งแขวงคำม่วนฯ และในอนาคตทางบริษัทจะมีการตั้งโรงงานผลิตขึ้นมารองรับ 2-3 โรง ภายหลังต้นยางกรีตได้ส่วนจะเป็นโรงงานผลิตยางประภทใดต้องดูสถานการณ์ตลาดมีทิศทางต้องการประเภทไหนมากที่สุดก็จะลงทุนตั้งโรงงานประเภทนั้นเพราะการตั้งโรงงานใช้เวลาไม่นาน