
สวนผึ้ง กับเด็กเลี้ยงแกะ และแพะรับบาป
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว มีเด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่งเบื่อหน่ายกับการต้อนฝูงแกะไปกินหญ้าทุกวี่ทุกวัน จึงนึกสนุกหาเรื่องแกล้งคนเล่น โดยทำทีวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปในหมู่บ้าน แล้วตะโกน ช่วยด้วย...ช่วยด้วย พวกหมาป่ามันจับแกะของข้าไปกินหมดแล้ว ชาวบ้านได้ยินต่างพากัน
นานมาแล้วเช่นกัน ที่เด็กทั่วโลกรู้จักนิทานเด็กเลี้ยงแกะ พร้อมๆ กับ กบเลือกนาย กระต่ายกับเต่า สุนัขจิ้งจอกกับเงา ราชสีห์กับหนู ฯลฯ ในนาม “นิทานอีสป” หรือเรียกให้ถูกว่า “นิทานของอีสป” เพราะบอกเล่าโดยนักเล่านิทานชื่ออีสป ซึ่งคนส่วนใหญ่สนุกสนานหรือซาบซึ้งใจไปกับนิทานของเขาโดยแทบไม่รู้จักตัวตนของเขาเลย อีสป (Aesop) มีชีวิตอยู่ในสมัยกรีกเรืองอำนาจเมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว บางตำราว่าเป็นชาวกรีก แต่บ้างว่าเป็นอัฟริกันที่มาใช้ชีวิตในกรีก แต่ที่แน่ๆ คือเขามิได้เกิดในตระกูลนักปราชญ์ราชบัณฑิต ตรงกันข้าม เขาเป็นทาสที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ มีร่างกายไม่สมประกอบ จนไม่มีใครอยากซื้อเขาไปใช้งาน
ทว่า สิ่งที่พระเจ้าประทานให้เขาคือ การเป็นนักพูดที่มีปฏิภาณไหวพริบ มีความสามารถเล่าเรื่องได้น่าสนใจ เขาเล่านิทานสนุก สอดแทรกแง่คิดให้คนฟัง จนกระทั่งปลดแอกตนเองจากทาสเป็นไทสำเร็จ แล้วได้ดิบได้ดีเป็นถึงนักปราชญ์และราชทูตประจำราชสำนัก แต่บางตำนานเล่าขานว่าชีวิตบั้นปลายของอีสปพลิกผันเสียยิ่งกว่านิทานที่เขาเล่า เพราะเขาเก่งเสียจนมีคนอิจฉา แล้วใส่ร้ายเขาว่าเป็นผู้ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง จนต้องรับโทษประหาร ก่อนที่กาลต่อมา โลกจะจารึกชื่อ “อีสป” ไว้คู่กับนิทานอมตะที่มีคนนำไปแปลมากกว่า 250 ภาษาทั่วโลก
ผมหวนคิดถึงชีวิตพิสดารของนักเล่านิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะ ที่ต้องจบชีวิตลงแบบ “แพะรับบาป” ในวันที่สัญจรสู่ดินแดนแห่งฟาร์มแกะในรีสอร์ทสวยกลางหุบเขา ที่เคยมีตำนานเด็กเลี้ยงแกะ ปั้นเรื่องเก่ง จนทำคนให้กลายเป็น “แพะ” ติดคุกฟรีหลายปี ที่นี่คือสวนผึ้ง อำเภอชายแดนฟากตะวันตกของจังหวัดราชบุรีส่วนที่ติดกับประเทศพม่า กว่าจะมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมขนาดรถติดยาวทุกเสาร์และอาทิตย์ ใครจะคิดว่าดินแดนอันพิสุทธิ์ด้วยสายหมอกยามเช้าแห่งนี้ เคยถูกกล่าวขานว่าเป็นช่องทางผ่านของกองกำลังติดอาวุธที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลทหารพม่า ในนาม “นักรบพระเจ้า” (ก๊อดอาร์มี) บุกเข้ายึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี เพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยระงับความร่วมมือกับเผด็จการพม่าที่ปราบปรามชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยงตามแนวชายแดน เหตุเกิดในปี 2543 แล้วหลังจากนั้นไม่นาน เคราะห์ยังซ้ำกรรมยังซัดสวนผึ้ง ด้วยคดีสะเทือนขวัญที่มีกองกำลังลึกลับกราดยิงรถโดยสาร จนมีนักเรียนสังเวยชีวิตไปหลายคน และมีชายหนุ่มเชื้อสายกะเหรี่ยงคนหนึ่งติดคุกฟรี ก่อนศาลจะยกฟ้องว่าเขามิใช่ผู้ก่อคดีสะเทือนขวัญดังกล่าว
สวนผึ้งวันนี้ ผ่านคืนวันอันบอบช้ำมาสู่ความสดใส โดยไม่มีทั้ง “เด็กเลี้ยงแกะ” และ “แพะรับบาป” มีแต่แพะที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้รีดนม กับแกะที่รีสอร์ทหรูเลี้ยงไว้เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ด้วยเสียงร่ำลือว่าสวยราวกับฝูงแกะในท้องทุ่งแห่งนิวซีแลนด์ จนมีบางครอบครัวลงทุนขับรถพาลูกไปป้อนอาหารแกะแบบไปเช้า-เย็นกลับ แต่บางคนอดไม่ได้ ที่จะต้องแวะชม “บ้านหอมเทียน” อันกรุ่นกลิ่นหอมของเทียนศิลป์หลากหลายลวดลาย หนุนส่งให้สวนผึ้งเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตเทียนหอมของประเทศ ยืนยันว่าราชบุรีมิได้มีแต่ศิลปะบนผิวโอ่งอันลือลั่นเท่านั้น บางคนไม่ได้ตั้งใจจะซื้อเทียนสักนิด แต่ทนความสุนทรีย์ของภูมิทัศน์บ้านหอมเทียนอันเย้ายวนไม่ไหว ต้องแวะไปจิบกาแฟ ทานข้าวเที่ยง หรือเพียงไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก บ่งบอกว่าคนเราถ้าทำอะไรด้วยใจรักอย่างมีศิลปะ ย่อมมีเสียงตอบรับเสมอ
เช่นเดียวกับอุทยานศิลป์ถิ่นบางแพ อีกอำเภอหนึ่งของราชบุรี ที่ได้ชื่อว่าเป็นอุทยานหุ่นขี้ผึ้งที่สมบูรณ์แบบที่สุด ฉุดรั้งใจให้ต้องแวะชมหลังอำลาจากสวนผึ้งก่อนบึ่งรถกลับกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร ชื่นชมแนวคิดส่งเสริมให้คนไทยศึกษาประวัติชีวิตของบุคคลอันควรค่าแก่การค้อมคารวะ อาทิ ศาสตราจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์ ครูมนตรี ตราโมท สืบ นาคะเสถียร ไปจนถึงท่านโฮจิมินห์ แม่ชีเทเรซ่า เหมาเจ๋อตง ฯลฯ เพราะต้องยอมรับว่าพื้นฐานอุปนิสัยแบบไทยๆ ไม่ค่อยใส่ใจจะแสดงความชื่นชมใครออกหน้าออกตา แต่ที่ “อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม” คนสำคัญถูกเอ่ยนาม คนดีมีคนระลึกถึง ที่ประทับใจมากคือหุ่นขี้ผึ้งวีรบุรุษนักอนุรักษ์ - สืบ นาคะเสถียร ที่จำลองทั้งบ้านพัก เสื้อผ้า หน้าผม ตลอดจนบุคลิกได้เหมือนกันราวกับแกะ ใครเข้าไปยืนชมใกล้ๆ คล้ายกับได้ยืนคุยกับพี่สืบจริงๆ
แล้วอย่าคิดว่าแค่ไปดูหุ่นแล้วจบ แต่คนทำที่นี่เขาตั้งใจรังสรรค์ให้เป็น “อุทยานวัฒนธรรม” มีทั้งหมู่บ้านไทยสี่ภาค เรือนประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั้งสี่ภาค ไปจนถึงรูปปั้นพระโพธิสัตว์อวโลกิตศวร และพระพิฆเนศวร มหาเทพฮินดูที่ชาวพุทธก็นับถือ งานนี้ถ้ามีเวลาน้อยนิดแค่สิบ-สิบห้านาที ไม่แนะนำให้แวะชมเป็นอันขาด เบ็ดเสร็จแล้วสัญจรไปเลี้ยงแกะกับเยือนแหล่งศิลป์ถิ่นราชบุรีคราวนั้น กลับถึงบ้านหลับสบายโดยไม่ต้องนอนนับลูกแกะ!
เรื่อง - ภาพ... "ธีรภาพ โลหิตกุล"