
ม.ราชภัฏอยุธยาเผยย้ายพ้นอยุธยามรดกโลกใช้งบ6.5พันล้าน
อธิการบดีม.ราชภัฏพระนครศรีอยุธยาเผยย้ายให้หน่วยงานราชการ-สถานศึกษาย้ายออกจากอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยาเป็นเรื่องยาก กระทบข้าราชการเพียบ เผยเฉพาะสถาบันต้องใช้งบย้าย 6.5 พันล้านได้แค่ 503 ล้านไม่พอ เชื่อกระทบข้าราชการเพียบ วอนทำประชาพิจารณ์หน่วยงาน-ประชาชนก
เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2553 ดร.บูรพาทิศ พลอยสุวรรณ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎ(มรภ.)พระนครศรีอยุธยา กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยามีมติให้ย้ายหน่วยงานราชการและสถานศึกษาซึ่งรวมถึงมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยาออกจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาว่า การให้สถานศึกษา ส่วนราชการ และภาคเอกชน ออกจากพื้นที่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยานั้น เป็นเรื่องยาก เพราะสถานราชการ หรือภาคเอกชนที่ตั้งอยู่บนบริเวณพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ ฯ 1,800 ไร่นั้น มีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ค่อนข้างมาก ซึ่งไม่ใช่เพียงข้าราชการ แต่หมายถึงประชาชนร่วมด้วย โดยในส่วนของมรภ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลา 105 ปี มีโครงสร้างที่สอดคล้องกับอุทยานแห่งชาติประวัติศาสตร์ และตอนนี้มีนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่กว่า 6,000 คน มีบุคลากรกว่า 600 คน และมีนักเรียนโรงเรียนสาธิต อีกกว่า 1,000 คน หากย้ายไปตั้งอยู่บริเวณอื่นจะได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
ดร.บูรพาทิศ กล่าวอีกว่า แม้จะให้มหาวิทยาลัยเช่าพื้นที่ในอ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นของกระทรวงศึกษาธิการนั้น ก็ต้องเหมือนนับหนึ่งใหม่ เนื่องจากที่นั้น ไม่มีอาคาร ไม่มีสาธารณูปโภค อุปกรณ์การเรียนการสอน และหากต้องวย้ายจริงๆ ก็ต้องใช้งบประมาณกว่า 6,500 ล้านบาท เพราะฉะนั้นงบประมาณจากสำนักงานฯ 503 ล้านบาทนั้นไม่เพียงพอต่อการบริหารจัดการมหาวิทยาลัยเป็นแน่
“เรื่องดังกล่าวเป็นแนวคิดของกรมศิลป์ ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 2537 แต่เรื่องไมได้ดำเนินการต่อ จนกระทั่งในเดือนมกราคมปีนี้ กรมศิลป์ได้มีการเสนอแนวคิดต่อที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการและควบคุมดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์อีกครั้ง ซึ่งในที่ประชุมได้มีมติให้กลับไปทบทวนหากต้องย้ายจริง จะส่งผลอะไรต่อไปบ้าง และเมื่อเช้าของวานนี้(11 ก.พ.)ได้มีการประชุมอีกครั้ง ในที่ประชุมมีหลายฝ่ายที่เล็งเห็นว่าหากมีการย้ายจริงๆนั้น จะส่งผลกระทบต่อข้าราชการ ประชาชนในพื้นที่อยากมาก ทำให้ในที่ประชุมยังไม่ได้มีข้อยึติว่าจะดำเนินการอย่างไรในเรื่องนี้” อธิการบดีมรภ.พระนครศรีอยุธยา กล่าว
ดร.บูรพาทิศ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ข้าราชการ และภาคเอกชนที่ทำงาน ทำมาหากิน และใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ 1,800 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของอุทยานประวัติศาสตร์ฯ นั้นไม่มีปัญหา ผู้คนที่อยู่ในสถานที่เหล่านี้ล้วนดำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ และช่วยทำนุบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ ขณะเดียวกันการสร้างบ้านเรือน อาคารต่างๆ ยังสอดคล้องตามโครงสร้างของเมืองอยุธยา อย่างไรก็ตาม หากต้องการรักษาอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ไว้ ควรจะทำประชาพิจารณ์ สอบถามจากประชาชนในพื้นที่ด้วย เพราะเรื่องดังกล่าวหากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งตัดสินใจลงไปโดยไม่ได้สอบถามจากประชาชน อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้