"กีวี" ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่หลากชนิด ใน"กีวี"เนื้อสีเขียว 100 กรัม มีวิตามินซี 92.7 มิลลิกรัม ทั้งยังเป็นแหล่งของสารโภชนาการอื่นที่ดีต่อสุขภาพ
"กีวี" เป็นผลไม้ที่มีวิตามินสูง การรับประทานกีวีเพียง 1 ลูก (100 กรัม) จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินซีมากถึงร้อยละ 155 ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ใน "กีวี" ยังประกอบไปด้วยโอเมก้า-3 อีกด้วย ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นอย่างมากสำหรับร่างกาย เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง
ประโยชน์ของ "กีวี" มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยแห่งวัย มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ช่วยทำให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรง บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส มีส่วนช่วยลดจุดด่างดำใต้ผิว แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ "กีวี" เป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะการรับประทานกีวีช่วยให้อิ่มเร็ว ทำให้ไม่อ้วน ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย สาร "โพลีฟีนอล" ในผลกีวีมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง
สรรพคุณของ "กีวี" ได้แก่ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในร่างกายให้ดียิ่งขึ้น เป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับยาก กีวีจะช่วยให้หลับง่ายและสบายมากขึ้น , ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด , โพแทสเซียมจากกีวีช่วยลดความดันโลหิตสูงได้
ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคหัวใจวาย, โฟเลตจากกีวีช่วยในเรื่องการแบ่งตัวของเซลล์ใหม่ จำเป็นอย่างมากสำหรับมารดาที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่ทารกจะมีความพิการทางสมองและระบบประสาทหากขาดโฟเลต และเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์
ซิงค์จาก กีวี เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นในการใช้สร้างฮอร์โมนเพศชาย ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันฟันผุ ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเส้นใยประสาท , ซ่อมแซมเซลล์ DNA ที่ถูกทำลายจากกระบวนการเผาผลาญอาหารในร่างกาย ,ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ไฟเบอร์ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยป้องกันโรคท้องผูก ช่วยให้ขับถ่ายอย่างสะดวกและสม่ำเสมอ , ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส , ช่วยบรรเทาอาการอักเสบต่าง ๆ ในร่างกาย ใน กีวีหนึ่งผล มีวิตามินซีมากกว่าส้มหนึ่งลูกถึง 74% การรับประทานกีวีสองผลต่อวันจะช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินซีในร่างกายอย่างเห็นได้ชัด ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันโรคซึ่งเป็นเกราะธรรมชาติที่ช่วยป้องกัน ไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ และซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอและกระตุ้นการสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่
อย่างไรก็ดี ควรระมัดระวังในการรับประทานกีวี ในกลุ่ม หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร , ผู้ป่วยที่มีเลือดออกง่าย การรับประทานกีวี อาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง ซึ่งทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น
ผู้ที่แพ้ อะโวคาโด ,มะเดื่อฝรั่ง, งา, เฮเซลนัต หรือข้าวสาลี ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกีวี หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ทำจากกีวี เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นได้ เช่น มีผื่นคันขึ้นตามร่างกาย หายใจไม่ออก หรืออาเจียน
****ขอขอบคุณข้อมูลจาก PODPAD
ข่าวที่เกี่ยวข้อง