เช็กสภาพอากาศยุคไดโนเสาร์ได้ด้วย “ใบแปะก๊วย”

เมื่อพูดถึง “ใบแปะก๊วย” สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเราน่าจะเป็นความเป็นสมุนไพร และสรรพคุณในการดูแลสุขภาพของใบไม้ใบนี้ แต่หากเราเป็นนักวิทยาศาสตร์ สิ่งที่เรานึกถึงอาจไม่ใช่เรื่องประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เป็นโอกาสในการทำการทดลองว่า “ใบแปะก๊วย” จะบอกถึงสภาพอากาศในอดีตได้มากน้อยเพียงใด และที่นักวิทยาศาสตร์คิดเช่นนี้เป็นเพราะนักวิทยศาสตร์คาดการณ์ว่า ข้อมูลของสภาพอากาศในอดีตจะสามารถทำให้เราคาดการณ์ถึงสภาพอากาศในอนาคตได้ 
 

“เราต้องการทำความเข้าใจว่า การเปลี่ยนแปลงของ สภาพภูมิอากาศในอดีตส่งผลต่อระบบนิเวศ
อย่างไรบ้าง เคมีในมหาสมุทรและระดับน้ำทะเลเปลี่ยนไปบ้างไหม
และตอนนั้นป่าไม้ ทำงานกัน อย่างไร” 
 

- เควิน แอนชูไคดิส (Kevin Anchukaitis)
นักวิจัยด้านสภาพอากาศที่มหาวิทยาลัยแอริโซนา

ด้วยเหตุนี้นักวิจัย ริชาร์ด บาณร์คลีย์ (Richard Barclay) และผู้ช่วยของเขา เบ็น ลอยด์ (Ben Lloyd) จึงทำการทดลองโดยปลูกต้นแปะก๊วยไว้ในกรอบพลาสติกที่เปิดฝาจากนั้นนำกรอบพลาสติกไปวางไว้ในสภาพอากาศธรรมชาติ เพื่อให้ต้นแปะก๊วยได้รับฝน แสงแดด และสัมผัสกับวัฏจักรตามธรรมชาติตามที่ควรจะเป็น หวังเพื่อนำข้อมูลที่ได้มาเปรียบเทียบใบแปะก๊วยที่พบในวันที่ 22 ส.ค. ปีพ.ศ. 2529 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม (ช่วงการขับเคลื่อนอุตสากรรมการผลิตของโลก) กับใบแปะก๊วยในปัจจุบัน

จากนั้นนักวิจัยได้ปรับเพิ่มและลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ใน แต่ละกรอบและรอดูปฏิกิริยาตอบสนองของใบแปะก๊วย ปรากฏว่าต้นแปะก๊วยที่ได้รับก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ทมากกว่าจะเติบโตได้เร็ว กว่ากรอบที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยกว่า



 

การวิจัยนี้ยังทำให้นักวิจัยได้ข้อมูลของการตอบสนองของรูขุมขนใต้ใบแปะก๊วยต่อคาร์บอนไดออกไซด์ คือ หากในอากาศมีคาร์บอนไดออกไซด์มากจะทำให้ใบแปะก๊วยมีรูขุมขนน้อยแต่หากมีคาร์บอนในอากาศน้อย ใบแปะก๊วยจะสร้างรูขุมขนเพิ่มขึ้นเพื่อมาตอบสนอง ข้อมูลชุดนี้เองทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่า สภาพอากาศในปีพ.ศ. 2529 ที่แสดงผ่านรูขุมขนใบแปะก๊วยเมื่อเทียบกับปัจจุบันแล้ว ก๊าซคาร์บอนได้ทำให้อากาศสมัยนี้เปลี่ยนไปจากวันนั้นมากจริง ๆ 

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นักวิทศาสตร์อยากที่จะศึกษาต่อว่า ในโลกยุคที่ไดโนเสาร์ยังมีชีวิตอยู่และเป็นช่วงที่โลกต้องเผชิญกับสภาวะอากาศที่ เป็นจุดเดือด จากวันนั้นโลกปรับตัวอย่างไรถึงอยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ 



ที่มาข้อมูลและรูปภาพ:
https://apnews.com
https://unsplash.com