
หัวใจไทย-กวนน้ำอมฤตเพื่อความเป็นอมตะ
หลังจากที่เราได้รู้จัก โขน มรดกวัฒนธรรมด้านนาฏศิลป์ชั้นสูงของชาติไทยและเป็นมหรสพประจำชาติที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ประกอบด้วยขนบจารีตเป็นแบบแผนสืบทอดมานับร้อยปี น้องๆ คะวันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องศิลปะการแสดงโขนในตอนที่ 2 กันต่อเลยค่ะ
ศิลปะการแสดงโขนน่าจะมีที่มาจากหนังใหญ่ ระบำ รำ เต้น กระบี่กระบอง และการ “เล่นดึกดำบรรพ์” ในพระราชพิธีอินทราภิเษก การเล่นดึกดำบรรพ์เป็นการแสดงตำนานการกวนน้ำอมฤตหรือกวนเกษียรสมุทร ในกฎมนเทียรบาลซึ่งตราขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถระบุว่า
“...นาค 7 ศีศะเกี้ยวพระสุเมรุ์นอกสนาม อสูรยืนนอกกำแพง
โรงรำระทาดอกไม้มหาดไทบำเรอห์สนองพระโอษฐ ดำรวจเลขเปนรูป
อสูร 100 มหาดเลกเป็นเทพดา 100 เปนพาลี สุครีพ มหาชมภู
แลบริวารพานร 103 ชักนาคดึกดำบรร อสูรชักหัว เทพดาชักหาง
พานรอยู่ปลายหาง...”
ตำนานการกวนเกษียรสมุทรอันเป็นที่มาของการเล่นดึกดำบรรพ์หรือชักนาคดึกดำบรรพ์ปรากฏรายละเอียดในคัมภีร์ปุราณะของพราหมณ์ กล่าวถึงเทพยดากับอสูรร่วมกันกวนน้ำอมฤต เพื่อความเป็นอมตะของทั้งสองฝ่าย ไม่มีวานรเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ในการเล่นดึกดำบรรพ์ที่ระบุในตำราพระราชพิธีอินทราภิเษก มีพญาวานร 3 ตน คือ พาลี สุครีพ และท้าวมหาชมพู พร้อมด้วยวานรบริวารอีก 100 ซึ่งเป็นไพร่พลฝ่ายพระรามเข้าไปมีส่วนร่วมในการเล่น ดังกล่าวด้วย (ติดตามตอนต่อไป)