Lifestyle

3 ทริกทางออก ทำอย่างไรเรียนออนไลน์ไม่ให้ "เด็กติดหวาน"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผลสำรวจนักเรียนชั้นม.1 ทั่วประเทศผ่านระบบออนไลน์   ระหว่างเดือนเม.ย.-พ.ค.ภายใน 1วัน จะดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวาน หรือ "เด็กติดหวาน" เฉลี่ยสูงถึง 86.5 % มีเพียง13.5 %ที่ดื่มน้ำเปล่า

ยังพบว่ามี 38.8%ของผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวาน จะดื่มในปริมาณ1แก้วต่อวัน(1แก้วมีขนาด22ออนซ์ หรือประมาณ650มิลลิลิตร)และมีผู้ดื่มในปริมาณ2แก้วขึ้นไป20.3%

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

อ้วนน้ำหนักเกินจาก "ไขมันพอกตับ"ปัจจัยไปสู่มะเร็งเร็งตับ

10 ประโยคส่งพลังใจให้กัน ในวันที่เลวร้าย

20 ประโยคบอกรัก"วันแม่" ซึ้งกินใจน้ำตาไหล

 

ส่วนประเภทเครื่องดื่มรสหวานที่ดื่มเป็นประจำสูงสุด 3 ลำดับแรก คือ 1.น้ำอัดลม40.95 % 2.ชานมไข่มุก29.16 %และ3.น้ำผลไม้ที่มีรสหวาน9.34 %

 

และส่วนใหญ่มักดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวานตามโอกาส 3ลำดับแรก คือ 1.กินหมูกระทะ ร้อยละ67.4   รองลงมาหรือ2. งานสังสรรค์ร้อยละ67.2 และ3.ดูหนังในโรงภาพยนตร์ ร้อยละ56.4

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

 

เด็กวัยเรียนจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดื่มน้ำอัดลมและเครื่องดื่มที่มีรสหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นความรู้ความเข้าใจที่ยังไม่ถูกต้องสูงสุด 3 เรื่องหลักคือ

 

1.เรื่องของปริมาณน้ำตาลที่ควรบริโภคใน1วัน ไม่ควรเกิน6ช้อนชา 2.การดื่มน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มรสหวานทำให้เสี่ยงโรคฟันผุ และ 3.การดื่มน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มรสหวาน  จนกลายเป็น"เด็กติดหวาน"ทำให้เสี่ยงโรคเบาหวานความดันโลหิตสูง 

สำหรับด้านทัศนคติเกี่ยวกับการดื่มน้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีรสหวานพบว่าโดยส่วนใหญ่มีทัศนคติที่ไม่ถูกต้องในเรื่องการรับรู้ว่าน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มรสหวานที่ดื่มมีปริมาณน้ำตาลผสมอยู่เท่าใด และเรื่องรู้ว่าตนเองขาดน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มรสหวานไม่ได้

 

ว่ากันว่า สิ่งแวดล้อมภายนอก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กวัยเรียน ดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวานหรือติดหวานมากขึ้น เพราะที่บ้านจะมีเครื่องดื่มรสหวานให้ดื่มได้ตลอด หาซื้อได้ง่าย และทุกครั้งที่ไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ ต้องมีน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มรสหวานเสมอ

 

โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 เด็กส่วนใหญ่ต้องเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้านจะทำให้มีโอกาสดื่มเครื่องดื่มหวานจัด หรือ ติดหวาน เพิ่มมากขึ้น และจะส่งผลเสียต่อสุขภาพทำให้เป็นโรคอ้วน ฟันผุ และในอนาคตจะนำไปสู่โรคเรื้อรังต่างๆเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงได้ในที่สุด

 

"เด็กติดหวาน" ปัญหาหนักใจพ่อแม่ผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็ก แต่ทุกปัญหามีทางออกหรือลดความรุนแรงลงได้ ผ่านการร่วมมือกันรณรงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ ที่ถูกต้องให้กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน

3 ทริกทางออก ทำอย่างไรเรียนออนไลน์ไม่ให้ "เด็กติดหวาน"

(1)ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีรสหวาน และหันมาดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้นอย่างน้อย8แก้วต่อวันน้ำเปล่าจะช่วยป้องกันท้องผูก ช่วยควบคุมน้ำหนัก ช่วยให้ผิวไม่แห้งกร้าน

 

(2)อ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้อหรือดื่มทุกครั้ง เพื่อทราบปริมาณน้ำตาลในน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มรสหวานประเภทต่างๆ

 

(3)การดื่มน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มรสหวานทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุ และทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น

 

ทุกครอบครัวควรเอาใจใส่บุตรหลาน และสมาชิกในครอบครัว โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดื่มน้ำเปล่าแทนเครื่องดื่มรสหวาน ลดการบริโภคอาหารหวานทุกชนิดและไม่ซื้อเครื่องดื่มรสหวานติดบ้าน เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ลูกหลานของเรามีสุขภาพที่ดี แถมยังเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัวอีกด้วย

ข้อมูล: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ