เพราะการนอนหลับมีผลต่อสุขภาพร่างกายและนาฬิกาชีวิตของทุกคน การนอนหลับๆ ตื่นๆ หรือนอนหลับไม่เต็มที่ หลับไม่สนิท อาจส่งผลเสียต่อฮอร์โมนและการทำงานในร่างกาย เกิดโรคภัยต่างๆ ได้ เราจึงมาแนะนำหนึ่งในเคล็ดลับสำคัญในการเลือกม่านให้เหมาะกับห้องนอน เพื่อการนอนหลับอย่างเป็นสุขมาบอก
ผ้าม่านเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพในการบดบังแสงที่เข้ามารบกวนการนอน ซึ่งนอกจากการบดบังกั้นแสงแล้ว ยังช่วยรักษาอุณหภูมิในห้องนอนและป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกอีกด้วย โดยส่วนใหญ่หลายบ้านมักมีผ้าม่านเพื่อบังแสงหรือติดตั้งมู่ลี่กันอยู่ แต่รู้ไหมว่าเคยมีคำแนะนำที่บอกว่าหากห้องไหนที่อยู่ในทิศรับแสงแดดตลอดเวลาหรือยาวนาน นอกจากมู่ลี่แล้วควรเพิ่มผ้าม่านอีกชั้น ป้องกันไม่ให้แสงลอดมาจากมูลี่ เพิ่มประสิทธิภาพกั้นแสงและความร้อนได้เพิ่มขึ้น
แต่การติดตั้งทั้งผ้าม่านและมู่ลี่ ก็ดูจะสิ้นเปลืองเกินไป ฉะนั้นการติดผ้าม่านแค่อย่างเดียว แต่เลือกชนิดที่สู้แสงได้และทำให้ห้องไม่ร้อนน่าจะคุ้มค่า จึงขอมาอธิบายให้รู้จักกันว่าผ้าม่านชนิดไหนสู้แสงและนิยมใช้กันบ้าง
1. ผ้าม่านทึบแสง ส่วนใหญ่จะเป็นผ้าพอลิเอสเตอร์ที่น้ำหนักมาก จะยิ่งทำให้ทึบแสง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าม่านสีดำหรือสีทึบ เพราะแม้จะเป็นผ้าม่านสีขาวแต่ทึบแสงก็มีคุณค่าภาพที่ดีในการป้องกันแสงได้เช่นเดียวกัน
2. ผ้าม่านทึบแสงที่เคลือบด้วยโฟม หรือประเภทป้องกัน UV ม่านประเทภนี้มีข้อดีคือรูปทรงที่ไม่เปลี่ยนง่าย เพราะช่วยรักษารูปทรงผ้าม่านได้ให้คงเหมือน มีเนื้อผ้าที่นุ่ม และยังสามารถป้องกันแสงแดดได้สูงมาก
3.ผ้าม่านที่ดูดซับความร้อน หรือมีฉนวนกันความร้อน เช่น ผ้าม่านประเภทผ้าสักหลาด แต่ผ้าชนิดนี้อาจไม่สามารถป้องกันแสงแดดจัดได้ดีเท่าที่ควร รวมถึงอาจดูดซับความร้อนไว้ที่ตัวม่านจนทำให้ห้องร้อนตามไปด้วยได้
4. ผ้าม่านทึบแสงที่ทอจากผ้าพอลิเอสเตอร์และผ้าฝ้าย ผ้าชนิดนี้จะดูมีความอ่อนโยนเป็นธรรมชาติ ทำให้ห้องดูละมุนอบอุ่น กรองแสงได้ดีในระดับหนึ่ง
เลือกผ้าม่านต้องทำตามหลักสำคัญ นั่นคือ
เลือกประเภทผ้าม่านตามทิศทางของแสง หากห้องนอนหรือพื้นที่ที่เราต้องการติดผ้าม่านมีแสงแดดผ่านมาตรงๆ เป็นแสงแดดจัดและส่องมาเกือบทั้งวัน ควรที่จะเลือกผ้าม่านทึบแสงที่ช่วยลดแสงแดดและความร้อน แต่หากเป็นห้องที่แสงเข้าถึงน้อย ควรเลือกผ้าม่านประเภทกรองแสงเพื่อช่วยปรับแสงในห้องให้ดูดีหรือแสงเพียงพอมากขึ้น
พิจารณาขนาดพื้นที่ในการติดตั้ง คือการดูบริเวณพื้นที่ห้องก่อนติดตั้ง เช่น หากห้องเล็กเพดานต่ำไม่ควรเลือกม่านทึบๆ ที่ดูอึดอัด ควรเลือกม่านพับกรองแสงมากกว่าใช้ม่านจีบที่มีขนาดใหญ่เพราะจะทำให้ห้องดูเตี้ยและมืดเกินไปได้
เลือกรูปแบบม่านให้เหมาะกับการใช้งาน หมายถึงรูปแบบผ้าม่านที่มีอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน เช่น ม่านจีบ ม่านพับ ม่านม้วน และม่านปรับแสง โดยควรเลือกให้เหมาะกับรูปแบบของหน้าต่างและคนที่ใช้งานว่าสะดวกแบบไหนถนัดใช้งานอย่างไร เช่น ม่านพับมักจะเหมาะกับหน้าต่างบานเล็ก ม่านจีบที่มีลอนใหญ่เหมาะกับหน้าต่างบานกว้างสูง เป็นต้น
ใส่ใจเลือกสีสันและลวดลาย โดยดูจากสีที่เจ้าของห้องชอบ โทนสีของกำแพงบ้านและห้องนอนตลอดจนสีของประตูหน้าต่าง เครื่องใช้ในบ้าน อาจเลือกโทนที่ทำให้นอนแล้วสบายตา ไม่ฉูดฉาดไม่มีลาดลายเกินไป หรือหากเป็นผ้าม่านห้องนั่งเล่นก็เลือกสีที่ดูสดใสมากขึ้นได้
นอกจากนี้การเลือกม่านควรคำนึงถึงสมาชิกในบ้านด้วย เช่น หากมีเด็กเล็ก หรือวัยกำลังซน อาจไม่ควรใช้ม่านที่มีสายดึงยาวเกะกะ เพราะอาจทำให้เด็กเล่นสายจนรัดร่างกายเป็นอันตราย รวมถึงหากมีสัตว์เลี้ยงก็ควรเลือกม่านชนิดที่ทนทานต่อการข่วน ตะกาย ใช้วัสดุที่ทนทานนั่นเอง
ที่มา Curtain Space / นิตยสารชีวจิต /Cacurtain.com
ข่าวที่เกี่ยวข้อง