Lifestyle

พม. - กสศ.- กรมสุขภาพจิต - ยูนิเซฟ เปิดศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เผยสถานการณ์เด็กติดเชื้อสะสมพุ่งสูง พม.ผนึก กสศ. กรมสุขภาพจิต ยูนิเซฟ ร่วมเปิดศูนย์ช่วยเหลือเด็กในสถานการณ์โควิด-19 ปูพรมค้นหาเข้าถึงเด็กกำพร้า ไม่มีผู้ดูแล ให้ได้รับการช่วยเหลือทันสถานการณ์

นางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า 4 หน่วยงาน ได้แก่ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ และยูนิเซฟ ร่วมกันจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ขึ้น เพื่อบูรณาการข้อมูลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยเด็กกลุ่มเปราะบางที่ยังเข้าไม่ถึงการดูแลรักษา เด็กกำพร้าพ่อแม่เสียชีวิตจากโควิด เด็กที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ ไม่มีผู้ดูแล  หรือมีแนวโน้มหลุดออกนอกระบบการศึกษา  เพื่อปกป้อง ช่วยเหลือได้ทันสถานการณ์ในทุกมิติปัญหา  

พม. - กสศ.- กรมสุขภาพจิต - ยูนิเซฟ เปิดศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19

“เรื่องนี้เป็นความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากมีเด็กได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของโควิด-19 จำนวนมาก มียอดเด็กติดเชื้อสะสมระหว่าง 1 มกราคม – 4 สิงหาคม 2564 มากกว่า 65,086 คน แบ่งเป็น กทม. จำนวน 15,465 คน ส่วนภูมิภาค 49,621 คน โดยจำนวนเด็กติดเชื้อรายวันล่าสุดวันที่ 4 สิงหาคม 2564 อยู่ที่ 2,194 คน แบ่งเป็น กทม. 408 คน และส่วนภูมิภาค 1,786 คน และยังมีเด็กไม่ป่วยแต่ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น พ่อแม่หรือผู้ปกครองติดเชื้อ ป่วยหนักหรือเสียชีวิต ทำให้เด็กโดดเดี่ยวหรือกำพร้า เด็กที่เข้าไม่ถึงการรักษา ขาดแคลนอาหาร และหลุดออกนอกระบบ” 

พม. - กสศ.- กรมสุขภาพจิต - ยูนิเซฟ เปิดศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19

อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปิดศูนย์ฯ คือ การปรับปรุงระบบการรับแจ้งเหตุ หรือ Mobile Application คุ้มครองเด็ก เพื่อค้นหาเด็กกำพร้า หรือเด็กกลุ่มเสี่ยงกำพร้าและไม่มีผู้ดูแล ผ่านเครือข่ายคุ้มครองเด็กทั่วประเทศ การประสานการทำงานกับหน่วยงานและเครือข่ายทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด  

“กรณีเด็กที่ผู้ปกครองติดเชื้อและไม่มีผู้ดูแล จะจัดอาสาสมัครเข้าไปช่วยดูแลเด็กระหว่างการกักตัวในสถานกักตัวของรัฐ หากยังไม่มีผู้ดูแลหรือยังกลับบ้านไม่ได้ ได้จัดเตรียมสถานสงเคราะห์ 4 แห่ง รองรับได้ 160 คน เพื่อให้การดูแลชั่วคราวระหว่างการจัดหาการดูแลในรูปแบบของครอบครัวเป็นลำดับแรก ติดตามครอบครัวเครือญาติ จัดหาครอบครัวอุปถัมภ์ หรือส่งเด็กเข้ารับการดูแลในสถานรองรับเด็กของ ดย. ซึ่งรองรับได้ 1,935 คน รวมทั้งการช่วยเหลือเฉพาะหน้า และการจัดบริการสวัสดิการสังคมตามความต้องการของเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อีกด้วย”  อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กล่าว 

ด้าน พญ.ดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบกับเด็กในหลายด้าน 1. กระทบกับเด็ก เรื่องการเรียนที่ต้องปรับมาเรียนออนไลน์ เหมือนถูกตัดออกจากครูและเพื่อน ขาดโอกาสในการพัฒนา เด็กเปราะบางหรือยากจนจะยิ่งเป็นปัญหาเพราะไม่มีอุปกรณ์หรือเครื่องมือ ทำให้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง  2. กระทบกับครอบครัว ทำให้ตกงานเกิดสภาพยากจนเฉียบพลัน กลายเป็นความเครียดมาลงที่เด็กได้ หรือสมาชิกในครอบครัวเสียชีวิต ทำให้เด็กได้รับผลกระทบจากการสูญเสียคนที่รัก  และ 3. ผลกระทบเชิงสังคม เกิดความเครียดจากสถานการณ์การแพร่ระบาด (Pandemic Stress) มีความเสี่ยงเกิดพฤติกรรมรุนแรงในครอบครัว รวมทั้งสังคมที่แสดงความโกรธเกรี้ยว เกิด Hate speech ที่จะทำให้เด็กซึมซับความรุนแรง

ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเด็กในเวลานี้  สูงกว่าเหตุการณ์สึนามิที่มีเด็กได้รับผลกระทบจากคนในครอบครัวเสียชีวิตประมาณ 5,000 คน  แต่วิกฤตโควิด -19 นี้มีเด็กที่มีคนในครอบครัวเสียชีวิตสูงเกินกว่า 5,000 ครอบครัว และยังคงเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง    

พม. - กสศ.- กรมสุขภาพจิต - ยูนิเซฟ เปิดศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19

พญ.ดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต

“จำเป็นที่จะต้องเข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือพวกเขาให้เดินหน้าต่อไปได้ แม้ครอบครัวจะสูญเสียมากน้อยแค่ไหนก็ตาม บทบาทของสถาบันสุขภาพจิตเด็กฯ ดูแลสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่น ทั้งสถานการณ์ปกติและวิกฤต ดังนั้นเมื่อมีฐานข้อมูลเข้ามา เราจะเข้าไปสนับสนุนตั้งแต่การประเมินว่าเด็กรายไหนที่ต้องได้รับการดูแลเฉพาะโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเด็กทุกคนควรต้องได้รับการดูแลเบื้องต้นที่เรียกว่าปฐมพยาบาลทางใจ ทางสถาบันพร้อมเข้าไปพัฒนาสมรรถนะทีมงานและอาสาสมัครให้สามารถปฐมพยาบาลทางใจเบื้องต้นได้ และในกรณีที่เด็กยังเหลือร่องรอยบาดแผลจากการสูญเสียที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างมาก จำเป็นต้องได้รับการดูแลเพิ่มเติม ทางสถาบันก็จะเป็นทีมที่ประสานรับส่งต่อเด็กกลุ่มนี้เพื่อการดูแลระยะยาว   

“มั่นใจในพลังของสังคมไทยที่มีน้ำใจเป็นเอกลักษณ์ ที่จะช่วยกันแจ้งเข้ามา ทำให้เกิดสะพานเชื่อมระหว่างเด็กกับความช่วยเหลือ แน่นอนว่าไม่อาจทำให้ปัญหากลายเป็นศูนย์หรือหายไปได้หมด แต่เรากำลังช่วยเด็กที่มีกำลังสูญเสียไม่ให้เขาต้องเสียศูนย์ สามารถกลับมาเดินอยู่บนเส้นทางที่เขาได้รับการพัฒนาต่อไปได้ ไม่ใช่การเสียบุคคลในครอบครัวแล้วจะทำให้ต้องเสียศูนย์ไปเลย จนไม่สามาถเข้าถึงการศึกษาหรือเสียอนาคต” พญ.ดุษฎี กล่าว

ด้าน ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา  กล่าวว่า ปัญหาโควิด-19 สร้างความท้าทายต่อบริการภาครัฐ  กสศ.จึงจับมือหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ท้องถิ่น ประชาสังคม เพื่อร่วมกันบริหารสถานการณ์ที่มีความซับซ้อนของปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงฐานข้อมูลเด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อทำให้เราเข้าถึงเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือ  และได้รับการดูแลที่เหมาะสมให้เร็วที่สุด   

พม. - กสศ.- กรมสุขภาพจิต - ยูนิเซฟ เปิดศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19

ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา

“เรามีกลไกอาสาสมัครคุณภาพของทั้ง 4 หน่วยงานและภาคประชาสังคม  ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  อาสาสมัครชุมชน อาสาสมัครครูทั้งในและนอกระบบ อาสาสมัครสภาเด็กและเยาวชน กทม. โดย กสศ.ระดมความร่วมมือจากภาคเอกชน ร่วมสนับสนุนทรัพยากรที่ยังขาดแคลนและจำเป็นเร่งด่วนในสถานการณ์ที่วิกฤต  และในระยะฟื้นฟู กสศ.จะสนับสนุนทุนสร้างโอกาสทางการศึกษา และโปรแกรมฟื้นฟูการเรียนรู้ถดถอยเพื่อป้องกันเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษา จากการสูญเสียผู้ดูแลและเสาหลักครอบครัวเนื่องจากโควิด-19” 

นายนิโคล่า บลั้น รักษาการหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองเด็ก องค์การยูนิเซฟประเทศไทย กล่าวว่า ยูนิเซฟยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กในภาวะวิกฤตเช่นนี้ ซึ่งเด็กกลุ่มเปราะบางกำลังเสี่ยงต่อการสูญเสียผู้ดูแล 

“เราพร้อมสนับสนุนภาครัฐและหน่วยงานอื่น ๆ ในการดำเนินงานเพื่อให้เด็กได้รับการดูแลที่เหมาะสม ทั้งนี้มาตรการช่วยเหลือเด็กใด ๆ จำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยจากการติดเชื้อ ควบคู่ไปกับผลกระทบด้านอื่น ๆ เช่น สุขภาพจิตของเด็กด้วย มีผลการศึกษาจำนวนมากที่สะท้อนถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จากการที่เด็กต้องถูกพรากจากครอบครัว หรือต้องอยู่ในการเลี้ยงดูทดแทนที่มีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะการดูแลในรูปแบบสถาบัน เราควรดำเนินการเพื่อให้เด็กได้อยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด พร้อมกับส่งเสริมระบบให้เด็กที่ไม่มีผู้ดูแล ได้รับการเลี้ยงดูทดแทนทั้งแบบชั่วคราวและระยะยาวที่เหมาะสม เพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก”

ประชาชนทั่วไปสามารถแจ้งกรณีเด็กและเยาวชนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สามารถประสานมาที่ศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ที่สายด่วน 1300 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ