ชวนแม่ท้องสังเกตอาการแปลกๆ ที่บอกอันตราย ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
5 อาการอันตรายที่แม่ท้องต้องสังเกตด่วน ได้แก่
1. เลือดออกทางช่องคลอด มีสาเหตุเกิดได้หลายอย่าง ทั้งการติดเชื้อในช่องคลอดหรือในปากมดลูก มีภาวะรกเกาะต่ำและเจ็บครรภ์คลอด หากคุณแม่เห็นว่ามีเลือดออกทางช่องคลอด ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะเสี่ยงต่ออันตรายต่างๆ ทั้งภาวะแท้ง ติดเชื้อ และคลอดก่อนกำหนด
2. ลูกดิ้นผิดปกติ คุณแม่จะรู้สึกว่าลูกดิ้นประมาณอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ขึ้นไป บางคนอาจจะรู้สึกลูกดิ้นแรงเตะแรงหรือดิ้นเป็นปกติทุกวัน แต่หากคุณแม่รู้สึกว่าลูกไม่ดิ้นหรือลูกดิ้นแรงมากผิดปกติควรรีบไปหาหมอทันที ดังนั้นเพื่อป้องกันอันตรายหรือรู้ความผิดปกติได้ล่วงหน้า คุณหมอมักแนะนำให้คุณแม่นับจำนวนการดิ้นของลูกและบันทึกไว้ เพื่อสังเกตและนับลูกดิ้นได้ทุกวันสม่ำเสมอ
3. แพ้ท้องผิดปกติ แม้อาการแพ้ท้องจะเป็นเรื่องปกติที่แม่ตั้งครรภ์ใหม่ๆ เป็นกันได้ เพราะเกิดจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง โดยมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน พะอืดพะอม เบื่ออาหารหรือเหม็นอาหาร ซึ่งอาการแพ้ท้องนี้ปกติจะหายหรือทุเลาได้เองตามธรรมชาติ แต่หากคุณแม่แพ้ท้องผิดปกตินั่นคือ คลื่นไส้ อาเจียนมากจนกินอาหารไม่ได้ น้ำหนักลดลงมาก ขาดสารอาหาร ขาดน้ำ มีอาการใจสั่น ปัสสาวะน้อย ถือเป็นความผิดปกติที่ห้ามปล่อยไว้ และต้องรีบไปโรงพยาบาล
4. เจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด โดยปกติแม่ท้องแก่ประมาณปลายไตรมาสที่ 2 หรือในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ มีโอกาสเจ็บครรภ์ 2 แบบ คือ เจ็บท้องเตือน มีอาการท้องแข็งบ้างเป็นพักๆ แบบไม่สม่ำเสมอ ซึ่งเกิดจากการเดินนานๆ ยืนนานๆ แต่หากคุณแม่ได้พักแป้บเดียวก็มักจะหายไป แต่หากเจ็บครรภ์ในแบบที่สอง หรือเจ็บท้องจริง คือมีอาการท้องแข็ง ท้องจะมีอาการปวด บีบ ๆ เกร็ง ๆ เอามือไปจับบริเวณมดลูก จะรู้สึกว่ามันแข็ง เจ็บท้องสม่ำเสมอ ปวดหรือเจ็บแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ถี่มากขึ้น เจ็บทุก ๆ 5-10 นาที หรือถี่ขึ้นเป็น 2-3 นาที แสดงว่าลูกน้อยกำลังใกล้จะคลอดแล้ว อาจมีการเปิดของปากมดลูกด้วย ฉะนั้นหากมีอาการนี้เมื่อไร ให้รีบไปโรงพยาบาลทันที แม้จะยังไม่ถึงกำหนดคลอดก็ตาม
5. มีน้ำเดินหรือน้ำคร่ำแตก น้ำเดินหมายถึง มีน้ำคร่ำไหลออกจากช่องคลอด คือมีการแตกของถุงน้ำคร่ำ ที่แสดงว่าคุณแม่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการคลอดแล้ว และแม้ว่าคุณแม่ยังไม่ถึงกำหนดคลอดแต่มีน้ำเดินก็ต้องรีบไปพบแพทย์เช่นกัน เพราะอาจมีภาวะคลอดก่อนกำหนดได้ ดังนั้นหากมีน้ำเดินเมื่อไรรีบไปหาคุณหมอทันที แต่นอกจาก 5 อาการนี้แล้วยังมีภาวะแทรกซ้อนที่แม่ท้องควรสังเกต คืออาการนำของครรภ์เป็นพิษที่เป็นอันตราย นั่นคืออาการปวดศีรษะ ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่ มือเท้าบวมผิดปกติ ซึ่งเป็นอาการบอกความผิดปกติร้ายแรงที่ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที สรุปคือหากคุณแม่ท้องมีอาการผิดปกติที่ไม่แน่ใจ อย่าปล่อยไว้ควรไปพบแพทย์ และไม่ควรหาซื้อยามากินเองเพราะยาต่างๆ อาจส่งผ่านจนเกิดผลเสียต่อสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์ได้
ข้อมูล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง