การทำความสะอาดให้กับร่างกาย พื้นฐานที่ดีที่สุดคือการอาบน้ำชำระล้าง และของใช้ที่ใกล้ตัวที่สุดคือ " ผ้าเช็ดตัว" ซึ่งสิ่งของชนิดนี้ได้กลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคไปโดยปริยาย
การอาบน้ำชะระล้างร่างกาย เพื่อให้ร่างกายสะอาดและเช็ดตัวให้แห้งด้วย “ผ้าเช็ดตัว” กิจวัตรประจำวันที่คุ้นชิ้นแบบนี้ อีกด้านก็คือความเสี่ยงต่องการอยู่ใกล้แหล่งเชื้อโรคโดยปริยายจากสิ่งที่เรียกว่า "ผ้าเช็ดตัว"
“ผ้าเช็ดตัว” คุณลักษณะในการใช้งานคือ ใช้ในการซับน้ำและความชื้นที่หลงเหลืออยู่จากการอาบน้ำชำระคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ แต่หน้าที่ของผ้าเช็ดตัวนั้นไม่ได้ซึมซับเพียงแค่น้ำและความชื้นเท่านั้น แต่ยังได้ดึงเอาเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่ตายแล้ว และเชื้อแบคทีเรียที่ติดอยู่ที่ผิวหนังออกไปด้วย
เมื่อเชื้อแบคทีเรียไปเกาะอยู่กับผ้าที่มีความชื้นอย่างพอเหมาะ อย่าง “ผ้าเช็ดตัว” ก็ทำให้ผ้าเช็ดตัว ของใช้ใกล้ตัวอยู่ในสถานะของแหล่งเชื้อโรคใกล้ตัว ความอับชื้นถือเป็นเป็นปัจจัยในการเจริญเติบโตของเชื้อราต่าง ๆ ดังนั้น ผ้าเช็ดตัว จึงเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่อาจจะมีทั้งเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส
เชื้อโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัส เชื้อรา และเชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยู่บน “ผ้าเช็ดตัว” สามารถแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นที่มาใช้ผ้าเช็ดตัวผืนนั้นได้ และอาจจะทำให้ผิวหนังเกิดความระคายเคือง และเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อบนผิวหนัง โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus ที่แพร่กระจายผ่านทางผ้าเช็ดตัวด้วยเช่นกัน
ในการแพร่เชื้อผ่านผ้าเช็ดตัว องค์ประกอบคือ หากใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น เชื้อโรคนี้อาจสามารถแพร่ไปสู่อีกคนที่ใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกันได้ ในระหว่างการนำผ้าเช็ดตัวไปซัก อาจทำให้ติดเชื้อโรคที่ผิวหนังได้ หากซักผ้าเช็ดตัวร่วมกับเสื้อผ้าอื่น เชื้อโรคอาจแพร่กระจายไปสู่เสื้อผ้านั้น ๆ ได้
การป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคผ่านทางผ้าเช็ดตัวได้ การซักผ้าเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อและลดการสะสมของเชื้อโรคบนผ้าเช็ดตัว แต่การซักผ้าผิดวิธีอาจกลายเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรคได้ วิธีในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคบนผ้าเช็ดตัว ดังต่อไปนี้
อย่าใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการป่วย หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนังต่าง ๆ ตากผ้าเช็ดตัวให้แห้งทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อป้องกันให้ไม่เกิดความอับชื้นและเพิ่มการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ซักผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง น้ำยาซักผ้าและผงซักฟอกตามปกติก็เพียงพอที่จะกำจัดเชื้อโรคที่ติดอยู่ในผ้าเช็ดตัวแล้ว
แยกซักผ้า อย่าซักผ้าเช็ดตัวร่วมกับเสื้อผ้าอื่น ๆ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้ควรซักผ้าเช็ดตัวบ่อยมากขึ้น แม้ว่าตามปกติควรซักผ้าเช็ดตัวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง แต่ก็มีบางปัจจัยที่ทำให้ควรที่จะซักผ้าเช็ดตัวบ่อยมากยิ่งขึ้น เพื่อลดการสะสมและแพร่กระจายของเชื้อโรค ปัจจัยเหล่านั้นคือ
ผ้าเช็ดตัวที่เปื้อนสารคัดหลั่งจากร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมูก น้ำลาย หรือหนอง ควรซักหลังจากใช้ทันที ผ้าเช็ดตัวที่ใช้ซับเหงื่อหลังออกกำลังกาย หรือผ้าเช็ดตัวที่อับชื้น ควรซักหลังจากใช้ 1 ครั้ง ผ้าเช็ดตัวที่แขวนเก็บไว้ในห้องน้ำ ที่มักจะเปืยกชื้นอยู่ตลอดเวลา และไม่เคยได้ตากให้แห้งสนิท ควรซักหลังจากใช้ 1 ครั้ง ผ้าเช็ดตัวของผู้ที่ป่วยเป็นโรคผิวหนัง เช่น ผื่น ภูมิแพ้ผิวหนัง หรือผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ควรซักหลังจากใช้ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวระคายเคือง
แนวทางเหล่านี้จะช่วยทำให้"ผ้าเช็ดตัว" ไม่เป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค
ขอขอบคุณเนื้อหาจาก
ภาพประกอบจาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง