Lifestyle

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชแนะ วิธีผ่อนคลายในภาวะ "หมดไฟทำงาน"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช แนะเทคนิคสร้างความผ่อนคลาย เพื่อป้องกันภาวะ "หมดไฟจากการทำงาน" (Burnout) มาสลัดความเหนื่อยล้าสะสมจากการทำงานอย่างต่อเนื่อง แล้วกลับมาปลุกไฟในตัวคุณให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง

 

ด้วยสถานการณ์การผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายบริษัทได้ปรับเปลี่ยนวิธีมาเป็นการทำงานที่บ้าน (Work from home) ส่งผลให้หลายคนต้องใช้เวลาทำงานยาวนานขึ้น และอยู่ในบรรยากาศเดิมๆ ทุกวัน ทำให้เกิดความเหนื่อยล้าสะสมจากการทำงานอย่างต่อเนื่อง จนเริ่มมีอาการเบื่อหน่าย ขาดแรงจูงใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ลดทอนประสิทธิภาพในการทำงานจนนำมาสู่อาการ "หมดไฟในการทำงาน"

 

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชแนะ วิธีผ่อนคลายในภาวะ "หมดไฟทำงาน"

 

 

แพทย์หญิงดุจฤดี อภิวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช ได้แนะแนวทางสร้างบรรยากาศผ่อนคลายทางด้านอารมณ์ ป้องกันภาวะหมดไฟจากทำงาน (Burnout Syndrome)  ว่า "ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) เป็นภาวะผิดปกติที่เกิดจากการทำงาน (Occupational Phenomenon) แต่ไม่ใช่โรค (not a medical diagnosis) เนื่องจากการขาดสมดุลของชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance) จนเกิดความเครียดสะสมเรื้อรังในสถานที่ทำงานโดยที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ อารมณ์ และส่งผลกระทบต่อร่างกายตามมา

 

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชแนะ วิธีผ่อนคลายในภาวะ "หมดไฟทำงาน"

 

กลุ่มอาการภาวะหมดไฟจากการทำงาน (Burnout) มักเกิดจากภาระความรับผิดชอบในงานที่สูง รวมถึงปริมาณงานจำนวนมากที่มีความซับซ้อนและต้องทำในเวลาเร่งรีบ นอกจากนี้อาจเกิดจากปัญหาการเรียงลำดับความสำคัญของงาน การขาดอำนาจในการตัดสินใจ หรือต้องทำงานที่ตนเองไม่ถนัด เป็นต้น ส่วนการสังเกตว่าตัวเรากำลังอยู่ในภาวะหมดไฟจากการทำงานสามารถประเมินได้จาก

 

อาการทางกาย : เหนื่อย หมดแรง อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อบ่อย ไม่อยากอาหารหรือทานอาหารมากเกินไป ปวดท้อง คลื่นไส้ ความสามารถในการจำและการทำงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด

 

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชแนะ วิธีผ่อนคลายในภาวะ "หมดไฟทำงาน"

 

อาการทางจิตใจ : หดหู่ เบื่อ ขาดแรงจูงใจ ไม่มีความสุขในการทำงาน มองโลกในแง่ร้าย โกรธ หงุดหงิดง่าย รู้สึกโดดเดี่ยว สิ้นหวัง ไม่มีใครเข้าใจ ไม่พอใจในตัวเองและรู้สึกไม่ประสบความสำเร็จ

 

 อาการทางด้านพฤติกรรม : พูดคุยกับคนรอบตัวน้อยลง ชอบแยกตัวไม่สุงสิงกับใคร ไม่อยากตื่นมาทำงาน มาทำงานสายแต่กลับบ้านเร็ว ขี้เกียจมากขึ้น ไม่กระตือรือร้น ไม่อยากพัฒนา เริ่มใช้สิ่งเสพติด เช่น เหล้า บุหรี่

 

 

เราสามารถแก้ไขภาวะหมดไฟจากการทำงานเบื้องต้นได้ด้วยการเปลี่ยนทัศนะคติ ยอมรับปัญหา เปิดใจรับฟังความคิดเห็นคนอื่น ไม่ทำงานหักโหมเกินเวลา รู้จักฝึกขอความช่วยเหลือหรือฝึกทักษะการปฏิเสธอย่างเหมาะสม แบ่งเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น หาเวลาทำกิจกรรมที่ช่วยสร้างความผ่อนคลาย เช่น แช่น้ำอุ่น ใช้เวลากับสัตว์เลี้ยง หรือต้นไม้ ออกกำลังกาย ที่ใช้การฝึกลมหายใจร่วมด้วย เช่น โยคะ พิลาทิส รวมถึงการใช้กลิ่นหอมบำบัด (THANN Aromatherapy) จากน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติมาช่วยในการสร้างบรรยากาศความผ่อนคลายภายในบ้านโดยใช้ เครื่องกระจายกลิ่นหอม (THANN  Electric aroma diffuser)  ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถบรรเทาความเครียดได้เร็วที่สุด

 

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชแนะ วิธีผ่อนคลายในภาวะ "หมดไฟทำงาน"

 

เมื่อจมูกได้รับกลิ่นมาเพียงไม่กี่วินาที กลิ่นจะถูกส่งผ่านประสาทรับกลิ่น (Olfactory Nerves) ซึ่งอยู่เหนือโพรงจมูกไปยังกระเปาะรับกลิ่น (Olfactory Bulbs) และส่งต่อไปยังสมองส่วนควบคุมอารมณ์และความรู้สึก (Limbic System) อณูของน้ำมันหอมระเหยจะกระจายไปตามประสาทรับกลิ่นเข้าสู่สมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์และความรู้สึก (Emotion Center หรือ Limbic System) โดยไปกระตุ้นให้สมองสั่งการไปที่ระบบต่อมไร้ท่อ เพื่อหลั่งสารที่มีประโยชน์ และมีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึก ได้แก่ เอ็นโดฟิน (Endorphin) สารที่ช่วยลดความเจ็บปวด คลายความเครียด และความวิตกกังวล, เอนเคฟาลิน (Enkephalin) สารที่ช่วยลดอาการซึมเศร้า และเซโรโทนิน (Serotonin) ช่วยทำให้สงบ เยือกเย็น และผ่อนคลายจากสภาวะเครียดได้

 

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชแนะ วิธีผ่อนคลายในภาวะ "หมดไฟทำงาน"

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ