ไลฟ์สไตล์

"อุโบสถวัดจันทราวาส"สุดยอดศิลปะปูนปั้นช่างเมืองเพชรบุรี

"อุโบสถวัดจันทราวาส"สุดยอดศิลปะปูนปั้นช่างเมืองเพชรบุรี

05 ก.พ. 2553

เพชรบุรีเป็นเมืองที่มีวัดวาอารามมากมาย วัดแต่ละแห่งแต่ละวัดมีโบราณสถาน และโบราณวัตถุที่มีชื่อเสียงเลื่องลือมาตั้งแต่สมัยอยุธยาโดยเฉพาะปูนปั้นหน้าบันโบสถ์ วิหาร ศาลา-การเปรียญ เจดีย์ และฐานพระพุทธรูป ได้สรรสร้างไว้อย่างประณีต มีให้ชมหลายรูปแบบ ทั้งนี้

 รูปแบบของศิลปกรรมที่เหล่าช่างผู้มีฝีมือได้สรรค์สร้างไว้หลายยุคหลายสมัย   และที่ปรากฏชัดเจนกล่าวถึงกันอยู่เสมอก็คือ ศิลปกรรมสมัยอยุธยา ซึ่งมีทั้งจิตรกรรมฝาผนังลายจำหลักไม้ และศิลปะปูนปั้น ในสมัยอยุธยาตอนปลายและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

  เทคนิคการตกแต่งลายปูนปั้น  ส่วนใหญ่สืบทอดมาจากสมัยอยุธยาตอนปลายโดยเฉพาะการตกแต่งหน้าโบสถ์  กล่าวคือ  การจัดให้ส่วนประธานอยู่ในแนวแกนกลางรูป  ซึ่งจะเด่นล้ำออกมาจากตัวลายกนกส่วนลวดลายที่ใช้ในงานปูนปั้น  นิยมใช้ลายก้านขดศิลปะสมัยอยุธยา  หรือรัตนโกสินทร์ตอนต้น  เพราะสามารถออกตัวลายได้มาก ช่างปูนปั้นได้นำรูปแบบของการแกะสลักไม้มาประยุกต์เป็นงานปูนปั้น โดยการปั้นลายยื่นออกมาจากผนังหน้าบัน และบางตอนก็มีการปั้นลายสอดสลับพันเกี่ยวกัน โดยใช้โครงลวดช่วยในการยึดเหนี่ยวส่วนรูปแบบในการปั้นลายนั้น ช่างปูนปั้นแต่ละคนมีสูตรเฉพาะตัวในการตำปูน 

 ปัจจุบันช่างเมืองเพชรยังฝากฝีมือศิลปะปูนปั้น ในการก่อสร้างศาสนสถานตามวัดต่างๆ ไว้อย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น อุโบสถ ของวัดจันทราวาส ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ซึ่งจะจัดงานบุญปิดทองฝังลูกนิมิตระหว่างวันที่ ๑๓-๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ นี้

 พระครูวินัยธรชุ่ม พุทฺธฺญาโณ  หรื่อหลวงพ่อชุ่ม เจ้าคณะตำบลท่าราบเขต ๒ และ เจ้าอาวาสวัดจันทราวาส  บอกว่า  การที่จะสร้างโบสถ์ได้หลังหนึ่งๆ หรือแม้จะซ่อมแซมโบสถ์เก่าให้สวยงามขึ้นมิใช่เรื่องง่าย และต้องใช้ระยะเวลานานมาก ดังนั้นจึงต้องหาสุดยอดช่างฝีมือมาก่อสร้าง โดยเริ่มวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๓ ในครั้งนั้นได้มีการจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาหลายประเภท เช่น พระสมเด็จ โดยได้นิมนต์เกจิร่วมหลายรูปมาปลุกเสก แต่ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว เช่น หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวอเวการาม หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี เป็นต้น

 อย่างไรก็ตาม หลังจากก่อสร้างได้ระยะหนึ่งก็ต้องหยุดพัก เพราะทางวัดต้องนำปัจจัยไปใช้พัฒนาวัดด้านอื่นๆ เมื่อวัดกำหนดงานปิดทองฝังลูกนิมิตปี ๒๕๕๓  จึงเริ่มก่อสร้างอีกครั้งในช่วงปี ๒๕๔๘ ทั้งนี้ทางวัดได้เน้นงานศิลปะปูนปั้น โดยเฉพาะลายปูนปั้นหน้าโบสถ์มีลักษณะเป็นสองชั้น ลายประกอบตกแต่งเป็นพื้นหลังช่วยทำให้หลังประธาน  ซึ่งมักเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑหรือบางแห่งมีเป็นรูปเทวดานั่งแท่น รูปการสับประยุทธ์ในเรื่องรามเกียรติ์นั้นเด่นขึ้นมาก

 “ช่างปูนปั้นเมืองเพชรจะประกวดประชันกันมาก เพราะเป็นการแสดงทั้งฝีมือ เทคนิค วิธีการและแนวความคิด เท่าที่ปรากฏ รูปประธานของหน้าบันมีทั้งรูปเทวดาและเทพ   รูปพุทธประวัติตอนต่างๆ ส่วนที่ซุ้มประตู ซุ้มหน้าต่างโบสถ์ มักจะใช้รูปการสับประยุทธ์ในเรื่องรามเกียรติ์เป็นตัวทับลาย” หลวงพ่อชุ่มกล่าว


    บุญปิดทองฝังลูกนิมิต

  เนื่องจากปัจจุบันโบสถ์มิเพียงแต่จะเป็นสถานที่ที่สงฆ์ใช้ทำสังฆกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นศาสนสถานที่พุทธศาสนิกชนใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมอื่นๆ ด้วย อีกทั้ง ไม่ว่าสร้างหรือซ่อมแซมโบสถ์ขึ้นใหม่จำเป็นจะต้องมีการผูกพัทธสีมาใหม่ทุกครั้ง ดังนั้น ทางวัดต่างๆ จึงมักจะประกาศเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชนได้มาทำบุญสร้างกุศลด้วยกัน

 หลวงพ่อชุ่ม บอกว่า การจัดงาน “ฝังลูกนิมิต” เพื่อสร้างโบสถ์ร่วมกัน ซึ่งชาวพุทธส่วนใหญ่ก็ยินดี เพราะเชื่อกันว่า หากใครได้มีโอกาสทำบุญ “ฝังลูกนิมิต” หรือพูดง่ายๆ ว่าได้ร่วมสร้างโบสถ์ให้พระได้ใช้ทำสังฆกรรมนั้น จะมีอานิสงส์ถึง ๖ ประการด้วยกัน คือ

 ๑.ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บทุกชาติ ปราศจากอุปัททวะ (อุ-ปัด-ทะ-วะ สิ่งอัปมงคล) ทั้งหลาย ๒.ไม่เกิดในตระกูลต่ำ ๓.หากเกิดในมนุษย์โลกก็จะเกิดเป็นท้าวพระยามหากษัตริย์ ๔.หากเกิดในเทวโลกก็จะเกิดเป็นท้าวสักกเทวราช ๕.จะสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง มีผิวพรรณผ่องใส และ ๖. คือ มีอายุยืนนาน และมักจะใส่สมุด ดินสอ เข็มและด้ายลงไปในหลุมที่ฝังลูกนิมิตด้วย เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้มีความจำดี มีปัญญาเฉียบแหลมเหมือนเข็ม และมีความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องเหมือนความยาวของด้าย

 ส่วนลูกนิมิตที่ใช้ฝังตามทิศต่างๆ นี้ มีผู้เปรียบว่าเป็นเสมือนองค์พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์สาวกสำคัญๆ กล่าวคือ ลูกนิมิตที่ฝังทางทิศตะวันออก หมายถึง พระอัญญาโกณฑัญญะ ซึ่งได้ชื่อว่าผู้รู้ราตรีกาลนาน คือ มีความรู้มาก ผ่านโลกมามาก ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หมายถึง พระมหากัสสปะ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ทรงธุดงค์คุณ

  ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หมายถึง พระราหุล ผู้เป็นเลิศทางการศึกษา ทิศใต้ หมายถึง พระสารีบุตร ผู้เลิศในทางปัญญา ทิศเหนือ หมายถึง พระโมคัลลานะ ผู้เลิศทางฤทธิ์ ทิศตะวันตก หมายถึง พระอานนท์ ผู้เลิศในทางพหูสูต ทิศตะวันตกเฉียงใต้ หมายถึง พระอุบาลี ผู้เลิศในทางวินัย และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หมายถึง พระควัมปติ ผู้เลิศในทางลาภและรูปงาม ส่วนลูกนิมิต กลางโบสถ์ ก็คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

0 เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู  0