
ตามหา..บรรพบุรุษไทย "ฉบับใหม่"
หัวข้อ "เฮือนเชียงรุ่ง มุ่งสิบสองปันนา เสาะหาคนไทยในอดีต" ที่อาศรมสยาม-จีนวิทยา สมาคมปัญญาภิวัฒน์หน่วยงานของซีพีออลล์ เชิญไปตามรอยถึงจีนนั้นน่าสนใจยิ่งเพราะความที่เด็กไทยในสมัยก่อนมักท่องจำกันเสียงเจื้อยแจ้วว่า "คนไทยเรามาจากเทือกเขาอัลไต"
ทริปนี้ ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ซีอีโอของซีพีออลล์ ผู้ศึกษาประเทศจีนอย่างลึกซึ้งและรู้จริง แม้กระทั่งวรรณกรรมอมตะอย่าง "สามก๊ก" ที่เพียรอ่านจนแตกฉานนำมาร้อยเรื่อง "อ่านสามก๊ก ถกบริหาร" ได้อย่างอัศจรรย์ ร่วมคณะมาด้วยและถ่ายทอดเกร็ดความรู้ต่างๆ ไว้มากมาย ยังมี ประสิทธิ์ ฉกาจธรรม แห่งอาศรมสยามฯ และอาจารย์วรศักดิ์ มหัทธโนบล จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์อย่างแหลมคม
...มีคำถามในปัจจุบันว่า แท้จริงแล้วชนชาติไทยอพยพมาจากไหนกันแน่!!
ถิ่นกำเนิดชนชาติไทยนั้นมีหลากทฤษฎี หลายสมมติฐาน ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน จากการค้นคว้าถึงรากเหง้าคนไทย มีหน่วยงานไม่มากนักที่ศึกษาอย่างจริงจัง อาศรมสยามฯ เป็นหนึ่งในภาคเอกชนที่เร่งเสาะหาอย่างจริงจังจากผู้รู้ทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัยฯ จนถึงผู้เชี่ยวชาญจีนวิทยาอีกหลายแขนง
"คุนหมิง" เมืองเอกมณฑลยูนนาน คือก้าวแรกที่คณะสื่อมวลชนกว่าสิบชีวิตเริ่มสัมผัสและตามรอยคนไทยในครั้งอดีตกาล
ความจริงคุนหมิง คงไม่ใช่ดินแดนที่เกี่ยวข้องกับชนชาติไทยโดยตรงนัก ตามความเข้าใจของผู้เขียนเองเมืองนี้อาจเป็นทางผ่านของรอยต่อทางอารยธรรมระหว่างชนเผ่า "จ้วง" (ZHUANG) แห่งมณฑลกวางสี กับเผ่า "ไทลื้อ" แห่งสิบสองปันนาทางตอนใต้ของยูนนาน ซึ่งสองชนเผ่านี้มีวัฒนธรรมและภาษาใกล้เคียงกับคนไทยมากที่สุด
คุนหมิงมีเผ่า "อี๋" เป็นชนส่วนใหญ่มีแหล่งท่องเที่ยวที่คนไทยและทั่วโลกรู้จัก โดยเฉพาะอุทยานป่าหินอายุกว่า 200 ล้านปี ลักษณะเป็นป่าหินแปลกตาที่ลือชื่อ เช่น หินรูปช้างและที่สวยที่สุดอย่าง "หินอาซือมา" รูปหญิงสาวในนวนิยายของชนเผ่าซาหนี เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีวัดหยวนทง ซึ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุด ภายในมีศาลาแปดเหลี่ยมที่ "อู๋ซานกุ้ย" สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง เป็นที่ประดิษฐาน "เจ้าแม่กวนอิมพันกร" ด้านหลังมีวิหารที่สร้างในรูปแบบผสมจีน-ไทย มี "พระพุทธชินราช" ปางมารวิชัยจำลองจากพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ด้วยสภาพอากาศของเมืองนี้เย็นสบายตลอดทั้งปี จึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปไม่ขาดสาย ร้านค้าบางแห่งถึงกับเขียนภาษาไทยกำกับสำหรับนักช็อปปิ้งจากเมืองไทยโดยเฉพาะ
มาที่นี่ต้องดูโชว์ Dynamic Yunnan เป็นการแสดงวัฒนธรรมของชนเผ่าผสมกับลีลาการเต้นสมัยใหม่ มีพิธีกรรมบางอย่างที่คล้ายกับของไทย เช่น การขอฝน รวมถึงแนวความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์
...ออกจากคุนหมิงมุ่งหน้าสู่สิบสองปันนา ตามหาถิ่นกำเนิดคนไทย เราใกล้เข้ามามาก!!
"เชียงรุ่ง" (จิ่งหง) เมืองเอกแห่งสิบสองปันนา อดีตเคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรน่านเจ้า ได้ชื่อว่าเมืองแห่งรุ่งอรุณ หรือสมญา "เมืองนกยูง" ที่นี่เราเดินทางสู่เมืองฮัมหรือเขต "กั๋นหลั่นป้า" ที่ตั้งหมู่บ้านอนุรักษ์วัฒนธรรมไทลื้อ
เข้าหมู่บ้านมีสาวๆ เผ่า "ไทลื้อ" แต่งกายด้วยผ้าซิ่นสีฟ้าออกมาฟ้อนรำต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างสวยงาม เริ่มมีกลิ่นอายทางวัฒนธรรม ประเพณี ซึ่งใกล้เคียงกับคนไทยมากที่สุด
สำเนียงภาษาพูดยังคล้ายกับ "คำเมือง" ภาคเหนือบ้านเรา สามารถสื่อสารกันอย่างเข้าใจ บ้านมีลักษณะเรือนไทยใต้ถุนสูงชาวไทยลื้อส่วนใหญ่ยังคงวิถีดั่งเดิมไว้ตั้งแต่การทอผ้า งานหัตถกรรม เกษตรกรรม
การแต่งกายหญิงสูงวัยส่วนใหญ่ยังนุ่งผ้าซิ่น แต่บรรดาสาวๆ เริ่มแต่งตัวไปตามสมัย (ยกเว้นในเขตอนุรักษ์) พวกหนุ่มๆ คงนิยมชมชอบการตีไก่ฟังเสียงเชียร์ที่ดังเป็นระยะจากเซียนที่ไปล้อมรอบสนาม "ไก่ชน" จำนวนมาก มีการพนันขันต่อกันอย่างเปิดเผย
ชาวไทลื้อ ที่นี่ยังมีประเพณีสงกรานต์เหมือนกับบ้านเรา ส่วนหนึ่งมาจากวิถีชีวิตอยู่ใกล้น้ำเช่นเดียวกับอาหารที่ส่วนใหญ่กินข้าวเหนียว เนื้อย่างชนิดต่างๆ รวมถึงอาหารรสเปรี้ยวแบบอื่นด้วย
เผ่า "ไทลื้อ" มีประวัติอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้มายาวนานกว่า 2,000 ปี
ในยุคล่าอาณานิคมสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หลังจากส่งกองทัพไปกำราบเมืองเชียงใหม่และอาณาจักรล้านช้างจากพม่าแล้ว ก็โปรดให้ไปกวาดต้อนชาวไทลื้อในสิบสองปันนา เข้ามาอยู่ที่เชียงใหม่ลำพูน พะเยา น่าน ฯลฯ เป็นการสะสมกำลังคนในสมัยโบราณ "ไทลื้อ" จึงถูกแย่งชิง เคลื่อนย้ายกันไปมาระหว่างไทย พม่า ลาว และอาณาจักรจีนทางตอนใต้
ข้อน่าสังเกตเมืองเชียงรุ่ง อยู่ติดกับริมน้ำโขง ตามเรื่องเล่าสมัยโบราณมีฝูงช้างลงมาเล่นน้ำริมสองฝั่งมากมายจนนับไม่ได้ชาวบ้านจึงเรียกสายน้ำนี้ว่า "แม่น้ำล้านช้าง" นอกจากนกยูงแล้วช้างยังเป็นสัตว์สำคัญคู่เมืองเหมือนกับประเทศไทย
ที่น่าสนใจส่วนอื่น เช่น "สวนพฤกษศาสตร์" ซึ่งรวบรวมพันธุ์ไม้กว่า 10,000 ชนิด ด้านในจัดปลูกพันธุ์ไม้แปลกเป็นหมวดหมู่ น่าสนใจคือ "ต้นไม้เต้นระบำ" พอเสียงเพลงขึ้นปุ๊บใบไม้ขยับปั๊บ
สวนม่านทิง เป็นสวนโบราณของกษัตริย์ในอดีต ถูกทิ้งร้างมานานได้รับการบูรณะเมื่อปี 1982 ด้านหน้ามีรูปปั้นสำริดของอดีตนายกฯ "โจวเอินไหล" ในชุดชนชาติไต เข้าไปด้านในทางขวามือจะเห็นต้นโพธิ์ 2 ต้นที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงปลูกร่วมกับผู้ว่าการเขตสิบสองปันนาเพื่อเป็นสัญญาลักษณ์แห่งความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองชาติ
ยังมีวัดหลวงเมืองลื้อ ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปี 2550 เป็นวัดพุทธใหญ่ที่สุดในจีน มีพระพุทธรูปสลักสวยงามอยู่มากมาย วัดตั้งอยู่บนเขาสูงสามารถมองเห็นเมืองเชียงรุ่งได้ชัดเจน ภายในโบถช์สวยงามแต่ห้ามถ่ายรูป มีพระมาคอยเตือนนักท่องเที่ยวที่ซื้อของที่ระลึก โดยเฉพาะหยกบางส่วนเป็นของปลอมพร้อมย้ำ ว่าธุรกิจค้าขายภายในไม่ได้ดำเนินงานโดยวัด
มาถึงนี่แล้วอย่าลืมชมโชว์วัฒนธรรมเมืองพาราณสี ลีลาสวยงามทั้งคนและฉาก
แล้วเวลา 5 วัน ของการตามหาคนไทยในอดีตของคณะสื่อฯ ก็จบลง แม้ยังไม่ได้พบหลักฐานที่บ่งชี้ชัดนัก แต่ภารกิจนี้อาศรมสยามฯ ยังคงสานต่อและจะมีงานใหญ่ช่วงต้นปี 2554 ด้วยการระดม "เหล่าซือ" มาช่วยกันค้นหาบรรพบุรุษไทย ประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไปอย่างไร ติดตามให้ดี!!
เรื่อง - ภาพ... "ชัยกร ใบเงิน"



