
"ผิงดาว"...สัญลักษณ์ของการเชื่อมต่อยุคสมัย"
เอ่ยชื่อ ชูเกียรติ ฉาไธสง นอกจากจะเป็นนักเขียนแล้ว ยังเป็นนักดนตรีฝีมือดี โดยเฉพาะบทเพลง "ผิงดาว" ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตำนานการเดินทางของบรรดาหนุ่มสาวในยุคแสวงหา และโอกาสครบรอบ 20 ปี ที่แต่งเพลงนี้ เขาจึงคิดที่จะจัดคอนเสิร์ตเล็กๆ ที่ใช้ชื่อว่า "๒๐ปี ผิงดาว.
ในระหว่างการซ้อมใหญ่ จึงขอเบรกเวลาฟังเสียงของเขาเพื่อเรียกน้ำย่อย ก่อนที่จะเปิดเวทีให้มาร่วมรำลึกความหลังด้วยกัน
0 : ช่วยเล่าถึงที่มาที่ไปของการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้หน่อยครับ
ก็คือเพลงผิงดาวที่ผมแต่งขึ้นมานี้ นักศึกษาเขานิยมนำไปร้องไปเผยแพร่กันมากเวลาไปออกค่ายอาสาพัฒนาในชนบท ก็เลยมีคนรู้จักในประมาณหนึ่งโดยที่ผมไม่รู้ตัว และในปีนี้มันจะมีอายุครบ 20 ปีพอดี พรรคพวกพี่น้องก็เลยอยากจัดงานรำลึกถึงกลิ่นอายยุคสมัยเก่าๆ ที่มันเต็มไปด้วยหนุ่มสาววัยแสวงหา ผิงดาวก็น่าจะเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของการเชื่อมต่อยุคสมัยในครั้งกระโน้นกับยุคสมัย พ.ศ.นี้ ที่โลกอยู่ท่ามกลางความซับซ้อนก็เลยจัดงานนี้ขึ้นมา
0 ทำไมนักศึกษาถึงชอบเอาเพลงของเราไปร้องไปเล่นกันเวลาออกค่าย
ไม่รู้นะ แต่ผมรู้สึกชื่นใจเสมอเมื่อรู้ว่ายังมีคนหนุ่มสาวนักศึกษาในรั้วสถาบันต่างๆ ที่ยังออกค่ายอาสาพัฒนาอยู่ มันเป็นจุดขาวเล็กๆ บนผืนผ้าดำๆ ในยุคสมัยที่มันน่ากลัวแบบนี้ ผมรู้สึกว่าหนุ่มสาวเหล่านี้ทดแทนรุ่นของเราไปได้เรื่อยๆ ตอนนี้เราก็แก่เฒ่าแล้ว อีก 2-3 ปีก็อายุ 50 แล้ว แต่หนุ่มสาวรุ่นใหม่ๆ ที่อายุช่วง 20 กว่า 30 ก็ยังเป็นคนที่มีคุณภาพต่อไปในสังคม ที่จะเยียวยาสังคมไทยต่อไปได้ท่ามกลางความชั่วร้ายที่ห้อมล้อมอยู่
0 สมัยเป็นวัยรุ่น เคยออกค่ายอาสาฯ มาก่อนหรือเปล่า
ไม่เคย เลยไม่รู้ว่าบรรยากาศที่ค่ายอาสามันเป็นยังไง ที่รู้ว่าเพลงของเรามีคนเอาไปร้องก็เพราะมีน้องๆ นักศึกษานี่แหละมาบอก แต่ยังไงมันก็ดีนะ เป็นการสร้างสรรค์สังคม ผมดีใจนะที่ยังมีค่ายอาสาอยู่ นึกว่ามีแต่ค่ายของชมรมนู่นนี่แล้ว
0 ตอนนี้ค่ายอาสาก็หาเงินสนับสนุนได้ยากแล้วนะครับ
ผมว่าควรจะสนับสนุนนะ บริษัทที่มีตังเยอะๆ น่าจะมาซัพพอร์ตนักศึกษา เพราะพวกเขากำลังมีไฟแรง มีไฟสร้างสรรค์ อย่างน้อยที่สุด เมื่อเขาออกไป เขาก็ยังมีความใฝ่ดีที่จะอยู่ในสังคมได้ต่อไป ถึงเขาอาจจะไม่ได้ทำอะไรให้สังคมมาก แต่เขาก็คงไม่ทำชั่ว มันจะเป็นการหล่อหลอมได้ในระดับหนึ่ง การได้ไปสัมผัสมวลชน ได้ไปเจอผู้ทุกข์ยาก เจอบรรยากาศสภาพแวดล้อมที่มันทุรกันดารบ้าง แทนที่จะอยู่ในกรุงเทพฯ อย่างเดียว เด็กเหล่านี้ที่ทำโครงการ เขาทำดีอยู่แล้วล่ะ แต่ยิ่งมีคนไปซัพพอร์ต เขาก็จะยิ่งมีกำลังใจ ทำอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น
0 มีอะไรจะแนะนำนักศึกษาเหล่านั้นไหม
ผมอยากฝากให้อ่านหนังสือ หนังสือมันห่างหายไปจากสังคมยุคปัจจุบันเยอะมาก ทั้งที่หนังสือมันทำให้เราเกิดความคิดฝัน เกิดจินตนาการ โลกทุกวันนี้มันอยู่ในบล็อก ในกล่อง ในสื่อสำเร็จรูปที่เขากำหนดมาให้เราแล้ว อย่างดูหนังเนี่ย หน้าตาพระเอก นางเอก หรือฉากในเรื่อง มันกำหนดมาให้เราแล้ว แต่ถ้าเราอ่านหนังสือเราจะเกิดความนึกฝันว่าพระเอกต้องหน้าตาอย่างนี้ นางเอกต้องสวยอย่างนี้ หรือภาพวิวทิวทัศน์ก็เช่นกัน มันทำให้คนเราเกิดจินตนาการ ซึ่งผมคิดว่ามนุษย์เราทุกวันนี้ขาดความนึกฝัน ขาดจินตนาการ ซึ่งผมว่ามันไม่ค่อยดี อันตรายมาก ฐานของการอ่านทำให้เราแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณ
0 ในยุคที่บ้านเมืองเกิดการเลือกข้าง เลือกสีแบบนี้ บทเพลงของเราที่ออกมานานแล้ว จะพอช่วยอะไรสังคมได้ไหม
ช่วยไม่ได้หรอก มันเป็นงานศิลปะ มันอาจจะมีความหมายกับยุคก่อนๆ หรือคนบางคน แต่ในยุคที่สังคมกำลังแหลมคมอย่างนี้ เพลงคงไม่มีผลอะไรเท่าไหร่
0 หมายความว่าเพลงไม่สามารถขับกล่อมให้คนมีจิตใจดีขึ้นเลยหรือ
มันน่าจะมีนะ แต่ผมไม่แน่ใจ แต่ผมเชื่อมั่นในพลังของศิลปะนะ มันคงมีพลังแฝงอยู่ในระดับของมัน แต่ที่มันจะช่วยเหลือสังคมได้หรือเปล่า อันนี้ผมไม่แน่ใจ กระบวนการทางจิตใจของคนเรามีไม่กี่อย่างที่จะทำให้เราอยู่ในโลกได้อย่างมีความสุข มีแค่ความรู้สึก นึก และคิด แค่ 3 อย่าง อย่างที่พี่เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ชอบพูด รู้สึกก็คือการอยู่กับปัจจุบันขณะ รู้สึกเจ็บ รู้สึกหิว รู้สึกปวด นึก คือการนึกย้อนไปถึงอดีต นึกถึงเมื่อวาน นึกถึงปีที่แล้ว คิดเป็นอนาคต คิดถึงวันข้างหน้า คิดถึงโครงการที่ยังไม่เกิด กระบวนการทางจิตของคนเรามีแค่นี้ ถ้าเรารู้เท่าทันมัน เราก็จะมีความสุข
0 คอนเสิร์ตครั้งนี้ จะมีอะไรพิเศษด้วยรึเปล่า
จะเป็นดนตรีอะคูสติก มีพี่ๆ น้องๆ ของผมมาเยอะ ทั้งพี่เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, วิลิต เตชะไพบูลย์, จามิกร แสงศิริ, ไพวรินทร์ ขาวงาม ที่เป็นกวีซีไรต์ เป็นเพื่อนรักกัน มาร่วมแจมๆ จอยๆ กัน จะเล่นทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่ เก่าก็คือพวกที่ผมเคยแต่งเมื่อ 10-20 ปีมาแล้ว เพลงใหม่ก็เพิ่งแต่งในทศวรรษใหม่ เพราะว่าผมไม่ได้ออกเทปมา 10 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ปี 40
0 แล้วจะออกชุดใหม่ไหมครับ
ไม่ออกหรอก (หัวเราะ) แต่แต่งเก็บไว้เรื่อยๆ เลยคิดว่าน่าจะได้เวลาเอามาเผยแพร่สู่สาธารณะบ้าง
0 ทุกวันนี้ทำอะไรเป็นอาชีพหลัก
ที่เป็นรายได้เลี้ยงชีวิตจริงๆ คือเขียนหนังสือ คอลัมน์บ้าง นิยายบ้าง บทความบ้าง แต่งานดนตรีเป็นงานหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ มันทำให้เรามีความสุข แต่มันทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้รึเปล่า มันไม่ได้หรอก ผมหยุดออกเทปเพราะว่าเหนื่อยกับการโดนปั๊มซีดีปลอม เทปปลอม แล้วสมัยนั้นห้องอัดมันแพง เวลาเข้าทำงานชุดหนึ่งมันใช้เงินเยอะมาก พอออกมาแล้วมันขายไม่ได้ตามเป้าเราก็เหนื่อยใจ
0 แล้วคิดวิธีหลีกหนีปัญหาเทปผีซีดีเถื่อนออกหรือยัง
ไม่รู้เหมือนกัน (หัวเราะ) ผมว่ามันเป็นปัญหาที่หนักมาก มันทำลายชีวิตคนทำงานศิลปะมากนะ เพราะเขาอยู่ได้โดยการทำงานศิลปะ แล้วมาโดนฉกฉวยผลประโยชน์ไปแบบนี้มันน่าเกลียดมาก
เรื่องเด่นประเด็นดัง
ฤทธิกร มหาคชาภรณ์