เจอพระนาดูนปลอม1กรมศิลปากรเผยเหลือ3ที่ยังหาย | คมชัดลึก

ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.ขอนแก่น สามารถติดตามจับกุมนาย มงคลเดช  ศูนย์จันทร์   อายุ 21 ปี  นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาศิลปศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น และนายประดิษฐ์ ปะวะภูตา หรือ เล็กนาดูน อาย 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125/1 ม.3 ต.พระธาตุ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ที่เข้าไปโจรกรรมโบราณวัตถุภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น ไป 91 รายการเหตุเกิดในคืนวันที่ 4 ต่อเนื่องวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา และสามารถติดตามจับกุมตัวได้พร้อมของกลางพระเครื่องกรุนาดูน  และเทวรูปโบราณรวม 89 รายการ พบว่าเป็นของปลอม 1 รายการ คือพระพิมพ์ดินเผา กรุนาดูน สมัยทวาราวดี และอยู่ระหว่างการติดตามกลับคืน 2 รายการ คือ พระพิมพ์ดินเผา ปางสมาธิ สมัยทวาราวดี และพระพิมพ์ดินเผา ปรกใบมะขาม สมัยทวาราวดี

ล่าสุดนายเกรียงไกร  สัมปัชชลิต อธิปดีกรมศิลปากร ได้ขอบคุณข้าราชการตำรวจ จ.ขอนแก่น  ที่ โรงแรมเจริญธานีปริ๊นเซส อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมมอบเงินรางวัลนำจับ 200,000 บาท ให้กับ พล.ต.ท.สันติ  เพ็ญสูตร ผบช.ภ.4 เพื่อส่งมอบให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสคนร้าย

นายเกรียงไกร  กล่าวว่า หลังจากเกิดการโจรกรรมขึ้นทางกรมศิลปากรก็ให้ความสำคัญเรื่องความรักษาความปลอดภัยของพิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศ  โดยจะดำเนินการตามคำแนะนำจากกรมตำรวจแห่งชาติ และจะมีการปรับปรุงทั้งในส่วนของอาคารสถานที่ให้มีความมั่นคงแข็งแรงปลอดภัย  ติดตั้งระบบอุปกรณ์ต่างๆ อาทิกล้องวงจรปิด และสัญญาณกันขโมยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการความปลอดภัย   เรื่องของยามรักษาความปลอดภัยให้มีแนวทางปฏิบัติ ให้ชัดเจนและเข้มงวดขึ้น และต้องมีการเดินตรวจอย่างถี่ถ้วน กุญแจและสายยูจะต้องมีความมั่นคงแข็งแรง รวมทั้งแสงไฟส่องสว่างควรทีทุกจุด ทุกชั้น และต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบโบราณวัตถุทุก 3 เดือน

ในส่วนของโบราณวัตถุที่ยึดคืนได้จากคนร้าย  ทางกรมศิลปากรก็มีคณะกรรมการจากส่วนกลางเข้ามาตรวจสอบแล้ว  ในรายงานโบราณวัตถุทั้ง 89 รายการ ซึ่งจากการประเมินสภาพเบื้องต้น โบราณวัตถุมีสภาพสมบูรณ์ จำนวน 63 รายการ  โบราณวัตถุที่เสียหายจากการดัดแปลงจำนวน 7 รายการ โบราณวัตถุที่มีใสภาพแตก หัก บิ่น จำนวน 19 รายการ พบว่าได้มีการปลอกแปลง 1 รายการ ที่ไม่ใช่พระกรุนาดูน  ซึ่งการปลอมแปลงมีการปลอมใหม่ได้เหมือนของจริงมาก ทำให้โบราณวัตถุที่ได้กลับคืนมามีจำนวน  88 รายการที่เป็นของจริง  สรุปคือตอนนี้ยังขาดอยู่ 3 รายการ  เพราะมีปลอมขึ้นมาอีก 1 รายการ และอยู่ระหว่างการติดตามกลับคืน 2 รายการ

“เรามีการตรวจสอบประจำปีของกรมศิลปากรอยู่แล้ว  สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แนะนำให้เพิ่มระยะการตรวจสอบให้เร็วขึ้น  แล้วเราก็จะนำไปปรับปรุงให้มีส่วนกลางเข้ามาร่วมตรวจสอบ  และทางกรมก็มีงบประมาณในการส่งเสริมประสิทธิภาพ  ในปี 2554 ที่ได้ตั้งไว้ปรับปรุงให้ครบทั้ง 44 แห่ง  รวมทั้งติดตั้งการเตือนภัยตามตู้  ประตู  หน้าต่าง  ส่วนโบราณวัตถุอีก 3 รายการที่เหลือจะพยายามติดกลับคืนมาให้ครบ”

ด้านพล.ต.ท.สันติ  เพ็ญสูตร ผบช.ภ.4 กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังเร่งสืบสวนส่วนอยู่ว่าอีก 3 ชิ้นที่หายไปนั้นไปอยู่ที่ไหน จึงต้องใช้ระยะเวลาในการติดตาม เพราะถือว่าวัตถุโบราณที่หายไปนั้นเป็นของเก่าแก่ที่เป็นสมบัติของชาติ ทางตำรวจก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นทุกภายต้องช่วยกัน หากมีเบาะแสมาว่าวัตถุโบราณทั้ง 3 ชิ้นอยู่กับใครทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรมศิลปากร ก็จะมีรางวัลนำจับให้แก่ผู้ที่แจ้งเบาะแส