รอยพระพุทธบาท ที่วัดเขาศาลา จ.สุรินทร์ | คมชัดลึก

จินตานาการได้เลยว่า แผ่นดินไทยตามแนวชายแดนยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก บนหน้าผา มีวิวทิวทัศน์ให้ดูสวยงามมาก มีก้อนหินซ้อนเทินกันหมิ่นเหม่รูปทรงแปลกๆ ที่นักถ่ายภาพไม่ควรพลาด เมื่อถ่ายภาพจุใจแล้ว ก็ให้ย้อนลงไปดูแผ่น "ก้อนหินสลักรอยพระพุทธบาทเป็นฝีมือของขอมโบราณ"

ทางลงไปดูรอยพระพุทธบาท ให้ขับรถลงจากวัดย้อนลงมาประมาณ 500 เมตร เมื่อเห็นแท็งก์น้ำแล้วก็ให้จอดรถ แอบไว้ข้างทาง เพื่อเดินเข้าป่าตามทางแยกซ้ายมือ ประมาณ 100 เมตร เมื่อไปถึง ก็จะทึ่งและตลึงกับก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเอวคอด แต่บนแผ่นเพิงหินก้อนนั้น มีการแกะสลักเป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่

 ภายในฝ่าพระบาทแกะเป็นตารางขนาดเล็ก มีรูปสัตว์นานาชนิดอยู่ภายในตาราง ที่เห็นชัด ก็มี ปู ปลา แมงป่อง นก เสือ งู และอีกเป็นร้อยชนิด ต้องไปดูเอาเองให้เห็นกับตา

ทั้งยังมีการแกะดอกบัวบานขนาดใหญ่ 2 ดอกไว้ที่ช่วงส้นเท้า และฝ่าเท้าช่วงบน เมื่อไปเห็นก็จะเป็นที่อัศจรรย์ใจยิ่งนักว่าเหตุใดขอมจึงมาแกะสลักรูปรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา อันสวยงามไว้ ณ ที่ป่าแห่งนี้

ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต อาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม และกรมศิลปากรได้มาสำรวจไว้แล้ว รวมทั้งบล็อกเกอร์ศุภศรุต แห่งโอเคเนชั่นก็เคยมาและเขียนเรื่องราวการมาสถานที่แห่งนี้ไว้แล้วด้วย 

ในเรื่อง สุดปลายฟ้าที่เขาศาลา “คุรุโยคาจารย์” อรัญวาสีแห่งวัชรยาน ของ บล็อกเกอร์ศุภศรุต ระบุว่า ณ บ้านจรัส ต.จรัส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ หมู่บ้านป่าที่อยู่เชิงเขาเขาพนมดงรัก แนวชายแดนประเทศไทยและกัมพูชา เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2540  ได้มีการค้นพบรูปสลัก "พระพุทธบาท" ที่มีความสวยงามโดดเด่นบนโขดหินแห่งหนึ่งในป่าเขาศาลา ห่างจากวัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร ไปทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 200 เมตร

รูปสลักหินดังกล่าว เป็นรูปรอยพระพุทธบาทสลักลงไปในหินทราย มีความยาว 3.2 เมตร ด้านส้นพระบาทกว้างประมาณ 70 เซนติเมตร ด้านปลายพระบาท 1.5 เมตร รูปแกะสลักลึกลงไปในผิวหน้าของหินทราย 20 เซนติเมตร พระพุทธบาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเป็นพระบาทด้านขวา ผิวหน้าของโขดหินลาดลงตามแนวทิศตะวันตกมาทิศตะวันออก ขนาดนิ้วพระบาทมีความยาวเกือบเท่ากัน มีลายก้นหอยประดับทั้งส่วนปลายนิ้วและข้อนิ้ว

ภายในพระพุทธบาทมีการสลักลวดลายดอกบัวขนาดใหญ่ไว้ที่ฝ่าพระบาทและส้นพระบาท จำนวน 2 วง เส้นขอบรอบพระบาทด้านนอกนั้นล้อมด้วยลายลูกประคำและลายกลีบบัวศิลปะแบบเขมร

ในรอยพระพุทธบาท มีเส้นขอบนูนเป็นกรอบสลักรูปสัตว์และสิ่งแวดล้อม แบ่งออกเป็น 23 แถว นับจำนวนภาพได้ 166 ภาพ แถวบนสุดมีรูปกอบัวหนองน้ำและป่าไม้ใหญ่เป็นที่สังเกต กรอบต่างๆ เป็นรูปสัตว์นานาชนิดทั้ง สัตว์น้ำ สัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น ช้าง วัว ควาย อีเห็น นกยูง นกน้ำ หงส์ เป็ด ลิง กระต่าย ผีเสื้อ แมงมุม งู ปลานานาชนิด มีกระทั่งปู ตะขาบ ผีเสื้อ แมงป่อง แมลงและหนอน บางรูปผมยังดูว่าเป็นจิงโจ้และโคอาล่าด้วยซ้ำ...!!!
เริ่มสนุกแล้วใช่ไหมครับ ท่านผู้อ่านสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามลิงก์ต่อไปนี้ครับ http://www.oknation.net/blog/voranai/2007/12/12/entry-1

อย่างไรก็ตาม สำหรับลุงต้าลี่แล้ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้เห็นมีโครงการก่อสร้างซุ้มครอบก้อนหิน ที่แกะรอยพระพุทธบาท ซึ่งจะต้องมีการถากถางทำลายป่าในบริเวณนั้นเป็นบริเวณกว้าง ลุงต้าลี่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เว้นแต่จะมีหน่วยงานที่วิเคราะห์ทางวิชาการแล้วว่าควรจะสร้างหรือไม่ อยากให้กรมศิลปากรพิจารณาให้ถ้วนถี่ ถ้ายังไม่ได้คำตอบก็ควรยับยั้งไว้ก่อน
การเดินทางไปวัดเขาศาลาแห่งนี้ ซึ่งมีชื่อเต็มๆ ว่า “วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร” จ.สุรินทร์ ถ้ามาจากกรุงเทพฯ เมื่อถึงทางแยกต่างระดับ อ.สีคิ้ว ควรใช้เส้นทางหมายเลข 24 ผ่าน อ.ปักธงชัย อ.โชคชัย อ.หนองกี่ อ.นางรอง อ.ประโคนชัย อ.ประสาท พอถึง อ.สังขะ จ.สุรินทร์ จึงแยกขวาไปอ.บัวเชด 16 กิโลเมตร (ติดปั๊ม ปตท.สังขะ ใกล้ทางแยกมีโรงแรม สำหรับผู้เดินทางไกลมาพักด้วยครับ) เมื่อถึง อ.บัวเชด ตรงไปอีก 12 กิโลเมตร ผ่านสี่แยกในหมู่บ้านไปอีกเล็กน้อย ช่วงนี้ต้องระวังหน่อย เพราะถนนพังเสียหายเป็นหลุมเป็นบ่อ

สภาพถนนพังยังไม่ได้รับการซ่อมแซม เพราะรถบรรทุกอ้อยหนักๆ บดขยี้ถนนซึ่งสร้างตามมาตรฐานถนนชนบท เพื่อให้คนในชนบทได้ใช้สอย จนพังเสียหาย เมื่อผ่านถนนพังๆ ระยะทางประมาณ 5-6 กิโลเมตร ก็จะถึงทางเข้าวัดเขาศาลา
ในการเดินทาง ขับรถจากกรุงเทพฯ ไม่ไกลเกินไป ถ้าจะขึ้นรถโดยสารจากกรุงเทพฯ ก็รถประจำทางสาย 98 บขส.99 และบริษัทนครชัยแอร์ ลงที่ อ.สังขะ แล้วหารถรับจ้างต่อเข้าไปยังอ.บัวเชด หรือรอนั่งรถประจำทางเข้าไปบ้านจรัส แล้วเช่ารถมอเตอร์ไชค์รับจ้างไปวัดเขาศาลาก็ได้

เมื่อไปถึงแล้วจะรู้สึกว่าคุ้มจริงๆ ที่ได้มาเที่ยวและเห็นด้วยตาตนเอง ลองไปเที่ยวกันดูนะครับ แล้วจะประทับใจไม่รู้ลืม !