ไลฟ์สไตล์

ปีเสือดุกับ‘เฮอร์คิวลิส’ในใจเรา

ปีเสือดุกับ‘เฮอร์คิวลิส’ในใจเรา

08 ม.ค. 2553

สายวันนั้น ผมออกอาการสับสนว่า ตนเองยืนอยู่ที่ไหน เพราะรอบกายรายล้อมด้วยเสาศิลาขนาดมหึมา ซึ่งลวดลายและรูปทรงที่หลงเหลือบ่งบอกว่าเป็นศิลปะแบบกรีก-โรมัน ทั้งๆ ที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น ยังจำได้ดีว่าผมเพิ่งลงจากเที่ยวบิน RJ 181

 ของสายการบินรอยัล จอร์แดเนียล ที่บินจากสนามบินสุวรรณภูมิเป็นเวลาเกือบ 9 ชั่วโมง กว่าจะถึงกรุงอัมมาน นครหลวงของจอร์แดน แล้วไยเวลานี้ ดูประหนึ่งผมกำลังยืนอยู่ในกรุงโรมของอิตาลี อดีตศูนย์กลางอาณาโรมันที่ยิ่งใหญ่เมื่อราว 2,000 ปีก่อน นี่ผมกำลังเป็นจดหมายผิดซอง เพราะเครื่องบินส่งผิดที่ หรือเพราะผมเมาเครื่องบิน ทั้งๆ ที่มิได้แตะไวน์สักแก้วหรือจิบเบียร์สักกระป๋อง!

 จนกระทั่ง “...อัสซาลามุอาไลกุม...”  (ขอสันติสุขจงประสบแด่ท่าน) เสียงคำทักทายกึ่งอำนวยพรของเหล่าอิสลามิกชนดังขึ้น จากกลุ่มครูและนักเรียนคณะใหญ่ที่ขึ้นมาทัศนศึกษา ทำให้ผมตื่นจากภวังค์และมั่นใจว่า ไม่ใช่จดหมายผิดซอง เพียงแต่บน “ซิต้าเดล” หรือ ป้อมปราการแห่งกรุงอัมมานที่ยืนอยู่นี้ มีโบราณสถานตั้งปะปนกันหลายยุคหลายสมัย ทั้งวิหารและโรงละครขนาดมหึมาแบบกรีก-โรมัน และพระราชวังทรงโดมของกษัตริย์มุสลิมแห่งราชวงศ์อุมเมยาด ที่เรืองอำนาจเมื่อราว 1,300 ปีก่อน แต่ที่ผมสนใจเป็นพิเศษคือ มหาวิหารเฮอร์คิวลิส ที่ดูจากเสาศิลาที่เหลืออยู่ก็รู้ว่าช่างเป็นวิหารที่ใหญ่โตมโหระทึก แถมมีประติมากรรมขนาดใหญ่กว่าโอ่งมังกร ที่อ้างว่าอาจเป็นชิ้นส่วนมือของเฮอร์คิวลิสตั้งอยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ยิ่งทำให้ผมเอะใจว่า “เฮอร์คิวลิส” ต้องมีอะไรมากกว่าการเป็นเพียง “จอมพลังร่างบึ้ก” ในการ์ตูนวอล์ทดีสนีย์เท่านั้น

 เพราะหลายคนอาจไม่รู้ว่าเฮอร์คิวลิสมีสถานะเป็น “นรเทพ” คือกึ่งคนกึ่งเทพ เหตุเพราะมีแม่เป็นคน แต่พ่อเป็นเทวดานามว่า “ซูส” มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าเทวดาผู้ปกครองเขาโอลิมปุส แถมยังเป็นเทพแห่งสายฟ้าเหมือนพระอินทร์ของชาวฮินดู ทั้งยังเจ้าชู้พอกันอีกด้วย พระอินทร์แอบไปมีชู้กับเมียเทวดาองค์อื่น จนถูกสาบให้มี “สหัสโยนี” (อวัยวะเพศหญิงพันอัน) ติดอยู่ตามลำตัว กว่าจะให้ศัลยแพทย์สวรรค์ผ่าตัดแปลงโยนีเป็นดวงตา จนได้ชื่อว่า “สหัสนัยน์” หรือท้าวพันตาก็แทบแย่ ส่วนเทพซูสมีมเหสีแล้วชื่อ “เทพีเฮร่า” แต่จงใจปลอมตัวเป็นผัวนางอัลค์เมนี-สาวชาวโลก แล้วแอบไปกุ๊กกิ๊กตอนผัวนางไปรบ จนได้ลูกชายก็ยังดันไปตั้งชื่อว่า “เฮอร์คิวลิส” แปลว่าเกียรติยศแห่งเฮร่า แต่เทพีเฮร่าไม่ยินดีปรีดาด้วย นางอาฆาตมาดร้ายลูกชู้ถึงกับเสกงูพิษสองตัวใส่ลงไปในเปลเฮอร์คิวลิส แต่เจ้าหนูส่อแววเป็นจอมพลัง ด้วยการจับงูสองมือเอามาเหวี่ยงเล่นเป็นฮูล่าฮู้ป พอโตขึ้นยังสร้างวีรกรรมฆ่าสิงโตด้วยมือเปล่า เป็นแม่ทัพที่เก่งกาจปราบศัตรูราบคาบจนเจ้าผู้ครองนครธีบส์ยกลูกสาวให้

 อุตส่าห์ไปมีลูกมีเมียแล้ว เทพีเฮร่าก็ยังไม่หายแค้น ส่งวิญญาณร้ายตามเข้าไปสิงใจเฮอร์คิวลิสจนขาดสติฆ่าลูกเมียตัวเองตายหมด พอรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็เสียใจจนอยากฆ่าตัวตาย แต่มีคนแนะนำให้ล้างบาปด้วยการไปทำงานรับใช้กษัตริย์ยูริเทียส เทพีเฮร่าก็ยังตามไปยุยงยูริเทียสให้มอบหมายภารกิจโหดมหาหิน 12 อย่าง ซึ่งเท่ากับส่งเฮอร์คิวลิสไปตายชัดๆ อาทิ ภารกิจฆ่า “ไฮดร้า” สัตว์ประหลาดเก้าหัว หัวใดถูกฟันขาดจะงอกใหม่เป็นสองหัว จับวัวป่าที่กินเนื้อคนแทนหญ้า จับหมูป่าที่วิ่งเร็วจนไม่มีใครไล่ตามทัน จับสุนัขสามหัวจากนรก จับกวางทองของเทพีอาร์เทมิส ฯลฯ แต่จอมพลังบักอึดก็ทำได้ทั้งหมด ทว่ามาตายตอนจบ เพราะเมียถูกหลอกให้วางยาพิษเฮอร์คิวลิสจน ม้วยมรณา ทว่าสะสมความดีไว้เยอะ ร่างที่ถูกเผาจึงได้ไปสถิตอยู่บนเขาโอลิมปุส แล้วกลายเป็นกลุ่มดาวเฮอร์คิวลิส อยู่เหนือกลุ่มดาวมังกรบนแผนที่ดาราศาสตร์

 น่าสังเกตว่า “เทพปกรณัม” หรือเรื่องเล่าเกี่ยวเทพเจ้าของชาวกรีก เข้มข้นไม่แพ้เทพเจ้าของชาวฮินดู และวีรบุรุษในตำนานพื้นบ้านของชาวพุทธ ดังนั้น พอพูดถึง 12 ภารกิจหฤโหดของเฮอร์คิวลิส ชวนให้นึกถึง “นารายณ์อวตารสิบปาง” ของฮินดู เช่น ปางที่อวตาร (แบ่งภาคไปเกิด) เป็น “นรสิงห์” หรือครึ่งคนครึ่งสิงห์ บุกไปปราบอสูรชื่อ “หิรัญกศิปุ” ที่ได้พรวิเศษคือจะไม่ตายด้วยน้ำมือมนุษย์หรือสัตว์ ไม่ตายทั้งกลางวันหรือกลางคืน ไม่ตายทั้งนอกเรือน-ในเรือน แต่นรสิงห์ ซึ่งเป็นคนก็ไม่ใช่ สัตว์ก็ไม่เชิง บุกไปอุ้มอสูรร้ายตอนโพล้เพล้ กลางวันก็ไม่ใช่ กลางคืนก็ไม่เชิง เอามาวางพาดที่ธรณีประตู ครึ่งหนึ่งอยู่นอก ครึ่งหนึ่งอยู่ในเรือน พรวิเศษจึงไม่คุ้มครอง เจ้าอสูรจึงถึงคราวตาย

 หรือมองภาพรวมของชะตากรรมเฮอร์คิวลิส จะคล้ายกับ “สังข์ศิลป์ไชย” ในตำนานพื้นบ้านชาวสองฝั่งโขง (ชาวลาวเรียก “สินไซ”) ที่เป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ แต่ถูกคนขี้อิจฉาคอยกลั่นแกล้ง เช่น หลอกให้ไปปราบยักษ์ พอปราบเสร็จก็ถูกผลักตกหน้าผา ดีว่าพระอินทร์มาช่วยไว้ แต่ไม่วายถูกปล่อยข่าวลือ ว่าซี้แหงแก๋ไปแล้ว กว่าจะมีคนเห็นคุณความดีแล้วยกให้เป็นกษัตริย์ก็แทบแย่ไปเหมือนกัน เรื่อง “สินไซ” กินใจชาวลาวมาก รัฐบาลลาวจึงรณรงค์สร้าง “สินไซแห่งยุคสมัย” คือให้ชาวลาวสวมหัวใจ “สินไซ” ในการสร้างชาติ กระทั่งในพิธีเปิดซีเกมส์ ครั้งที่ 25 (เวียงจันทน์เกมส์) ก็ยังจัดแสดงเรื่อง “สินไซ” อวดชาวโลกให้ประจักษ์ว่าด้วยจิตวิญญาณ “สินไซ” ประเทศเล็กๆ อย่างลาว ก็จัดงานใหญ่อย่างซีเกมส์ได้อลังการไม่แพ้ใคร

 ปีเสือดุมาถึงแล้ว ใครๆ ว่าเมืองไทยอาจต้องเผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่ ทั้งภัยธรรมชาติ พิษเศรษฐกิจและวิกฤติการเมือง เห็นทีพี่น้องไทยต้องพร้อมใจกันสวมหัวใจ “สินไซ” บวก “เฮอร์คิวลิส” ถึงจะล้มยักษ์ได้เหมือนทีมยูงทอง “ลีดส์ ยูไนเต็ด” ที่บุกไปถล่มมหาอำนาจลูกหนังอย่าง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ตกรอบสามฟุตบอลเอฟเอคัพ เมื่อสัปดาห์ก่อนชนิดดูไม่จืดมาแล้ว

เรื่องและภาพ...ธีรภาพ โลหิตกุล