ไลฟ์สไตล์

เปิดใจ..อธิการบดีจุฬาฯ เบื้องหลัง "มหาวิทยาลัย" ติดท็อป100 ของโลก

เปิดใจ..อธิการบดีจุฬาฯ เบื้องหลัง "มหาวิทยาลัย" ติดท็อป100 ของโลก

02 ก.ค. 2563

เปิดใจ.."ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์" อธิการบดีจุฬาฯสมัยที่สอง เผยถึงเบื้องหลัง ทำไม"จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ถึงติดท็อป100 ของโลก หลังประเทศไทยรอคอยมาแสนนาน

จุฬาฯ ภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนของคนไทยขึ้นสู่ Top 100 ของโลกด้านชื่อเสียงทางวิชาการ จากการจัดอันดับโดย QS World University Rankings 2021 ซึ่งมีสถาบันอุดมศึกษาร่วมการจัดอันดับกว่า 1,600 แห่งจากทั่วโลก สะท้อนการทำงานหนักของชาวจุฬาฯ ที่เป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกโดยไม่ทอดทิ้งสังคมไทยไว้ข้างหลัง ภายใต้แนวคิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีจุฬาฯ อีกเป็นสมัยที่สองตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 เปิดเผยว่า “จุฬาฯ มุ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับโลก แต่จุฬาฯ จะไม่ทอดทิ้งสังคมไทย ไม่ทิ้งปัญหาของคนไทย โดยจุฬาฯ มุ่งเน้นการสร้างสรรค์องค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนสังคมไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :  "จุฬาฯ" ครองอันดับหนึ่งของไทย

การที่จุฬาฯ ได้ก้าวสู่อันดับที่ 96 ของโลกในด้านมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางวิชาการ (Academic Reputation) จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย Quacquarelli Symonds (QS) World University Rankings 2021  ซึ่งมีสถาบันอุดมศึกษาร่วมการจัดอันดับกว่า 1,600 แห่งจากทั่วโลก

เป็นสิ่งสะท้อนถึงการพัฒนาการเรียนการสอน และการทำงานวิจัยอย่างไม่หยุดนิ่งโดยประชาคมจุฬาฯ เพื่อพัฒนาคน พร้อมกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะช่วยนำพาประเทศไทยออกจากกับดักรายได้ปานกลางอย่างยั่งยืน

ทำให้วันนี้ จุฬาฯ เป็นต้นแบบมหาวิทยาลัยที่สรรสร้างนวัตกรรมที่หลากหลายเพื่อสังคม ซึ่งสามแกนหลัก ที่จุฬาฯ มุ่งผลักดันพัฒนาให้ถึงขีดสุด คือ “การพัฒนาผู้นำแห่งอนาคต การสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมที่ส่งผลกระทบสูง และมุ่งความยั่งยืนทางสังคม”

“การพัฒนาผู้นำแห่งอนาคต บัณฑิตจุฬาฯ ต้องเป็นพลเมืองที่มีคุณค่าของประเทศและโลก ดังนั้น จุฬาฯ จึงสร้างบัณฑิตให้มีทักษะทันสมัยของศตวรรษที่ 21 โดยมีหลักสำคัญสามประการ ได้แก่ มีความรู้พื้นฐานเชิงวิชาการ (Fundamental literacy) มีสมรรถนะในการแข่งขันแก้ปัญหาของสังคมโลกที่ซับซ้อน และต้องรู้จักคิด สงสัย หลอมรวม และกล้าที่จะท้าทายความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งผมคิดว่า ทักษะเหล่านี้ควรมีอยู่ในระบบการศึกษาทุกระดับของไทยด้วย” ศ.ดร.บัณฑิต กล่าว

ในด้านการการสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมที่ส่งผลกระทบสูง อธิการบดีจุฬาฯ เผยว่า นวัตกรรมของจุฬาฯ เกิดขึ้นจากความคิดที่ต้องการใช้นวัตกรรมมาช่วยแก้ปัญหาของสังคมไทย ในวันที่สังคมไทยมีปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จุฬาฯ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เรานำองค์ความรู้มาสร้างนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ

เริ่มตั้งแต่การป้องกัน - ตรวจสอบ – และแก้ไข กล่าวคือ จุฬาฯ ได้ผลิตนวัตกรรมป้องกันโควิด-19 ได้แก่ สเปรย์ฉีดเพิ่มประสิทธิภาพหน้ากากอนามัย หน้ากากป้องกันใบหน้า (Face Shield) ดีไซน์ใหม่ที่เบาเป็นพิเศษ และเครื่องพ่นละอองไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ส่วนนวัตกรรมการตรวจสอบโควิด-19 ได้แก่ Chula COVID-19 Strip Test ตู้ความดันลบ และเครื่องตรวจโควิด-19 อัตโนมัติที่รู้ผลเร็ว และแม่นยำถึง 99% 

นอกจากนี้ในแง่การแก้ไขผลกระทบจากโควิด-19 จุฬาฯ ไม่เพียงเป็นผู้นำการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด mRNA และวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากใบยาสูบแห่งแรกของประเทศไทย แต่จุฬาฯ ยังมองไกลถึงผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมซึ่งทำให้คนว่างงานเป็นจำนวนมาก จุฬาฯ จึงเปิดคอร์สเรียนออนไลน์ฟรีแก่คนทั่วไป ได้แก่ Chula MOOC, Quick MBA และ Coursera เพื่อเพิ่มทักษะคนอย่างรอบด้าน เพื่อให้พวกเขาแข็งแรงและกลับมาเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศได้อีกครั้ง

นอกจากนี้ ในแง่การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ศ.ดร.บัณฑิต กล่าวว่า จุฬาฯ กำหนดให้ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) เป็นหลักคิดในการดำเนินนโยบายของมหาวิทยาลัยตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา

จุฬาฯ ได้เริ่มต้นการพัฒนาอย่างยั่นยืนด้วยการจัดการสิ่งแวดล้อม สาธารณูปโภค และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และได้ขยายขอบเขตการทำงานไปสู่การยกระดับงานวิจัยให้สอดคล้องกับหลัก SDGs อีกทั้งยังทำงานในเชิงโครงสร้างนโยบายของมหาวิทยาลัยด้วย จนทำให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับการจัดอันดับเป็นที่หนึ่งของประเทศไทย และที่ 45 ของโลกด้านบทบาทในการพัฒนาระบบนิเวศทางบกอย่างยั่งยืน ในการประกาศผลการจัดอันดับของ The Times Higher Education University Impact Rankings 2020 (THE University Impact Rankings 2020) ซึ่งเป็นการประเมินบทบาทและคุณูปการของมหาวิทยาลัยตามกรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ

 “ผมขอเป็นตัวแทนชาวจุฬาฯ ขอบคุณทุก ๆ คน ที่มีส่วนร่วมอย่างสำคัญทำให้จุฬาฯ ได้รับเกียรติเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการครองตำแหน่ง Top100 ของโลกในด้านมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางวิชาการ (Academic Reputation) จากการจัดอันดับโดย QS World University Rankings 2021  ผมขอย้ำว่า จุฬาฯ จะเป็นมหาวิทยาลัยอันดับโลกของคนไทยทุกคน เราพร้อมนำนวัตกรรมมายกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมไทยและโลกให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน” อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวทิ้งท้าย