ไลฟ์สไตล์

"ประมงพื้นบ้าน" กระบี่
วิถีคนริมเลเหนือคลอง

"ประมงพื้นบ้าน" กระบี่ วิถีคนริมเลเหนือคลอง

29 ธ.ค. 2552

อีกเพียงสองวันก็สิ้นปีเก่าย่างเข้าสู่ปีใหม่ (2553) เป็นช่วงเทศกาลหยุดยาวทุกปีที่คนส่วนใหญ่ตั้งใจจะไปเที่ยว เห็นได้จากตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงต่างๆ จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน

  กระบี่ก็เป็นเมืองชายทะเลอีกจังหวัดหนึ่งที่ผู้คนใฝ่ฝันอยากไปสัมผัสหาดทรายขาว น้ำใส เห็นฝูงปลาแหวกว่ายสร้างสีสันแห่งท้องทะเล ด้วยศักยภาพของพื้นที่ 4,727,512 ตารางกิโลเมตร มีชายฝั่งทะเลยาวประมาณ 160 กิโลเมตร รอบล้อมไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 130 เกาะ จึงเป็นหนึ่งในจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง และเป็นเป้าหมายในการเดินทางของนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งไทยและต่างชาติ นำมาซึ่งความเจริญทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค รวมไปถึงรายได้ต่อเนื่องจากการท่องเที่ยว

 ขณะที่ความเจริญสืบเท้าก้าวเข้ามา การรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น คนในชุมชนย่อมควรที่จะได้รับโอกาสให้มีส่วนร่วมในการผลักดันโครงการต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง รวมทั้งมีส่วนร่วมในการรักษาสภาพแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืนไปพร้อมกับการพัฒนาในด้านอื่นๆ

 พื้นที่ติดชายฝั่งทะเลจึงเป็นทั้งแหล่งอาหารและสร้างอาชีพประมงพื้นบ้าน ที่สร้างรายได้หล่อเลี้ยงชีวิตของคนในชุมชนนอกเหนือจากการทำสวนยาง หรือสวนปาล์ม เห็นได้จากวิถีชีวิตของ ลุงนุกูล โชติผล ชาวประมงวัย 60 ใน ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ที่หลังจากเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ก็มีการเปลี่ยนแปลงในทะเลเป็นอย่างมาก เมื่อก่อนพูดได้ว่าปลามีแน่ในทะเล ออกเรือไปประมาณ 3-4 กิโลเมตร ได้ปลาเก๋ามาไม่น้อยกว่า 50-80 ตัว ปัจจุบันไม่แน่ ต้องออกเรือไปไกลถึงได้มา 13-15 ตัว ก็นับว่าโชคดีแล้ว   
แนวคิดในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลอย่างเขาได้มาด้วยการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันทั้งคนในอาชีพเดียวกันและสอบถามนักวิชาการ เพราะเขาบอกว่าชาวประมงต้องหากินกับชายฝั่ง หากไม่ต้องการเปลี่ยนโดยภาคบังคับ ขายเรือ ขายเครื่องมือ ขายอวน ไปเป็นยาม เป็นแม่บ้านในโรงแรม ก็จำเป็นที่จะต้องรักษาทรัพยากรให้สามารถเลี้ยงชีพได้ ดังนั้นสิ่งที่พยายามทำก็เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมเท่าที่ทำได้ เช่น รณรงค์ไม่ให้ประมงพื้นบ้านถ่ายน้ำมันเครื่องลงในทะเล แต่ให้มาถ่ายน้ำมันเครื่องได้ที่บ้าน

 ผลจาก การศึกษาทุนทางสังคมเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือร่วมใจของนักวิจัยภาคพลเมือง หรือ “นวัตกรสังคม” ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ปกาสัย ตลิ่งชัน และคลองขนาน จาก อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ โครงการนำร่องในการสร้างสำนึกประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมโดยสถาบันพระปกเกล้า ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนหรือคนในท้องถิ่นนั้นๆ เกิดการเรียนรู้ที่จะสร้างฐานข้อมูลชุมชน และสามารถนำมาใช้ในการวางแผนพัฒนาชุมชนอย่างมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างตรงจุด อำลาปีวัวแล้วพบกันใหม่ในปีเสือนะครับ!
       
"สุรัตน์ อัตตะ"