
ครูแนะแนวยุคใหม่ไขความรู้ ปั้นชีวิตเด็กให้สมบูรณ์
บทบาทครูแนะแนวปัจจุบันต้องแตกต่างจากอดีต จะมานั่งคอยให้นักเรียนเข้าห้องแนะแนว แล้วสั่งสอน อบรมไม่ได้ แต่ต้องเดินไปหาเด็ก พูดคุย สอบถาม ทำตัวเสมือนเพื่อน พ่อแม่ของเด็กที่พร้อมรับฟังทุกปัญหา ทั้งเรื่องเรียน ส่วนตัว และที่สำคัญต้องเข้าใจช่วงชีวิตเขา เพราะวั
เสียงสะท้อนถึงบทบาทหน้าที่ครูแนะแนว ตามความคิดของ ครูอารียา หมัดนุรักษ์ หัวหน้างานแนะแนวมัธยมปลาย โรงเรียนอิสลามสันติชน กรุงเทพฯ โรงเรียนสอนศาสนาควบคู่สามัญ 1 ในครู 150 คนที่เข้าร่วมสัมมนาอาจารย์แนะแนวจากโรงเรียนมัธยมศึกษาเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รุ่นที่ 5 จัดโดยมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ม.ร.)
ครูอารียา เล่าให้ฟังว่า การเป็นครูแนะแนวเด็กม.ปลาย ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตนักเรียน มีปัญหามากมาย เช่น การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และระบบการศึกษา การสอบแข่งขันเข้าสู่มหาวิทยาลัย ทุกอย่างที่พวกเขาพบเจอล้วนสร้างความสับสน ดังนั้น หน้าที่ของครูแนะแนวคือต้องให้ความกระจ่างในทุกเรื่องๆ ที่เด็กเกิดความสับสน ไม่เข้าใจ
“ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา เด็กมักเกิดความสงสัย ไม่เข้าใจ ที่สำคัญไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร อยากทำอาชีพอะไร เรียนต่อคณะ สาขาไหน เพราะส่วนหนึ่งเด็กไม่รู้จักตัวเอง และปัจจุบันระบบการคัดเลือกนักศึกษาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หน้าที่ของครูแนะแนวจึงต้องเป็นผู้คอยอัพเดทข่าวสาร เรื่องราวต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อพวกเขา พ่อแม่ ให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีต่างๆ ด้วย”
โมเดลการสอนของครูแนะแนว ร.ร.อิสลามสันติชน “ครูอารียา” อธิบายว่า ต้องบูรณาการหลักคำสอนศาสนาและการเรียนการสอนตามหลักสูตรเข้าด้วยกัน โดยชี้ให้เด็กเห็นความสำคัญของตัวเอง เพราะปัจจุบันเด็กไทยรักตัวเองน้อยลง เช่น ชีวิตคนเรามีอายุเฉลี่ย 65 ปี ใช้ชีวิตแบบนักเรียนจนจบมหาวิทยาลัย อายุ 22 ปี แต่อายุหลังจากเรียนจบเหลือ 43 ปี ดังนั้น จึงแนะให้นักเรียนเห็นว่า ถ้าเลือกลำบากในช่วงชีวิต 22 ปี ตั้งใจเรียน ขยันอ่านหนังสือมากกว่าคนอื่น เมื่อจบออกไปจะสบาย เพราะมีงานทำ แต่สำหรับคนที่เลือกสบายก่อน ไม่สนใจเรียน เมื่อจบไปหางานทำยาก ชีวิตก็ลำบาก ซึ่งครูแนะแนวสามารถสอนนักเรียนได้เป็นอย่างดี
เช่นเดียวกับ ครูสวนน้อย ศรีเขียว ครูแนะแนวชั้นม.4 และครูอัจฉรา สำราญ ครูแนะแนวชั้นม.6 ร.ร.สตรีสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เล่าว่า เด็กสมัยนี้แตกต่างจากในอดีต พวกเขากล้าคิด กล้าพูด และกล้ามาปรึกษาครูมากขึ้น แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับครูด้วยที่จะสร้างความเชื่อใจ ไว้วางใจให้เกิดขึ้นแก่เขาได้มากขนาดไหน ซึ่งวิธีที่ดีที่สุด คือการทำตัวเสมือนเพื่อน ที่ไม่ว่าเด็กทำผิดพลาดหรือทำตัวอย่างไร ต้องคอยให้คำแนะนำ ปลอบใจ และให้กำลังใจ
“ครูแนะแนวเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเด็ก เพราะฉะนั้นหน้าที่ครูต้องหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต เตรียมความรู้ใหม่ๆ มาให้เด็กสม่ำเสมอ เพราะเทคโนโลยี ความรู้ใหม่เกิดขึ้นทุกวัน และเด็กต้องการคำแนะนำที่ดี คำถามที่เจอจากเด็กๆ มากที่สุด คือระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัย พวกเขาจะเรียนสาขาไหนดี และการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไร ซึ่งทางโรงเรียนจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้เข้าไปสัมผัสการเรียนการสอน ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยบ่อยครั้ง เพื่อให้ได้ศึกษา และรู้จักปรับตัว”
เด็กปัจจุบันยึดติดการเรียนในมหาวิทยาลัยดังๆ ซึ่งเมื่อเข้าสู่ช่วงมัธยมปลาย ทุกคนจะมุ่งหาคำตอบว่าคณะไหน มหาวิทยาลัยใดเด่น ครูแนะแนว 2 ท่านช่วยเล่าเพิ่มเติมต่อว่า เด็กในแต่ละช่วงชั้น แตกต่างกัน การเข้ามาพบครูแนะแนวล้วนมีเหตุผลต่างๆ นานา เช่น เด็กมัธยมต้นเข้าห้องแนะแนวเพื่อปรึกษาการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย การคบเพื่อน แต่สำหรับเด็กมัธยมปลายเป็นการปรับอารมณ์ความรู้สึก การยอมรับจากคนอื่นมาก ดังนั้นใน 1 คาบต่ออาทิตย์ ครูแนะแนวต้องคอยติดตามพฤติกรรม สังเกตเด็กอย่างใกล้ชิด แต่ไม่ใช่สั่งให้เขาทำตาม
“วัยรุ่น” เป็นวัยแห่งการเปลี่ยนแปลง ทั้งทางอารมณ์ กาย จิตใจ ผศ.ดร.นิภา แก้วศรีงาม อดีตอาจารย์ภาคจิตวิทยา คณะศึกษาศาสตร์ ม.ร. กล่าวว่า ครูแนะแนวทุกคนต้องเป็นทั้งครูผู้สอน และนักจิตวิทยา คอยให้การช่วยเหลือเด็ก โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่น ครูแนะแนวต้องทำความเข้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงของเด็ก ไม่ว่าเรื่องความต้องการเป็นที่ยอมรับสังคม ต้องการมีจุดยืน อยากรู้ อยากทดลอง มีความคิด จินตนาการที่แตกต่าง อารมณ์ จิตใจเปลี่ยนแปลง และต้องการมีสังคม ไม่ต้องการถูกบังคับ ซึ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ครูแนะแนวต้องรับรู้ ทำความเข้าใจ และพร้อมเป็นผู้ให้
ขณะที่ รศ.คิม ไชยแสนสุข อธิการบดีม.ร. เจ้าของโครงการ กล่าวปิดท้ายว่า ม.ร.เป็นสถาบันอุดมศึกษา เน้นขยายโอกาส ความเสมอภาคทางการศึกษาแก่ประชาชนทั่วไปที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน ครูแนะแนวในโรงเรียนมัธยมศึกษาถือเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการโน้มน้าว แนะนำ และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทางการศึกษาแก่นักเรียน จึงเห็นสมควรจัดการสัมมนาขึ้น เพื่อให้อาจารย์แนะแนวได้เข้าใจถึงรูปแบบการจัดการเรียนการสอน หลักสูตรและสาขาวิชาที่เปิดสอนของม.ร. และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างมหาวิทยาลัยกับอาจารย์แนะแนว รวมทั้งได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
ครูไม่ว่าอยู่ในบทบาท กลุ่มสาระวิชาใด ล้วนมีความสำคัญต่อชีวิตของลูกศิษย์ทุกคน เพียงแต่หน้าที่ บทบาทในการสั่งสอนแตกต่างกันออกไป ครูแนะแนว เป็นหนึ่งในครูที่ผลักดันให้เด็กคนหนึ่งก้าวสู่ชีวิตที่ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี
0 ชุลีพร อร่ามเนตร 0