ไลฟ์สไตล์

วันวานที่เมืองเหนือในเหมันตฤดูรับปีเสือท่องสวิสแห่งอีสาน

วันวานที่เมืองเหนือในเหมันตฤดูรับปีเสือท่องสวิสแห่งอีสาน

20 ธ.ค. 2552

ท่องโลกเกษตรกับโต๊ะข่าวเกษตร "คม ชัด ลึก" 3 วัน 2 คืน ในพื้นที่ 2 จังหวัด "เชียงใหม่-ลำพูน" ส่งท้ายปีวัวระหว่างวันที่ 10-12 ธันวาคม 2552 ผ่านไปด้วยดี แต่ละท่านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สนุกสนาน ได้รับความรู้จากวิทยากรในแต่ละสถานที่ อาหารอร่อย ที่พักดี และท

 เราออกจากชายคาอาคารเนชั่น ทาวเวอร์ ถนนบางนา-ตราด บางนา กรุงเทพฯ ตอนเช้ามืด ไปตามเส้นทางวงแหวนตะวันออก วกเข้าถนนเอเชีย แวะยืดเส้นยืดสายตามสถานีบริการน้ำมันเเป็นระยะตามความเหมาะสม จุดแรกที่เข้าชมทุกคนต่างตื่นตากับความอลังการของไม้ดอกงามที่ชูช่อตระการตากว่า 3,000 ชนิด ในงาน “ราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์ รักพ่อหลวง” ที่สวนเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ท่ามกลางอากาศกำลังเย็นสบาย ทำให้ทุกคนต่างหามุมสวยๆ ที่ห้อมล้อมด้วยดอกไม้งามมาเป็นโปรกราวนด์และแบล็กกราวนด์ (ฉากหน้าและฉากหลัง) เพื่อบันทึกภาพเป็นที่ระลึก ก่อนที่คณะของเราจะเดินทางไปที่พักที่รีสอร์ท "ริมดอย" อ.เชียงดาว และรับอาหารเย็นท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น

 ละครน้ำเน่าหน้าจอโทรทัศน์ยังไม่ทันจะจบ ลมหนาวในยามค่ำคืนรุกเร้าอย่างหนัก ทุกคนต่างคว้าผ้าห่มมาห่อกาย แอร์คอเนคชั่นที่แปะข้างห้องพัก ถูกปิดสนิท กระทั่งรุ่งเช้าของวันใหม่เราพบกันที่ระเบียงอาหารของรีสอร์ท พบว่าทุกคนต่างสวมเสื้อกันหนาว มือทั้งสองข้างกอดอกแน่น เพียงเอ่ยปากทักทายกันควันสีขาวโขมงออกจากปากราวคนสูบบารากู

 หลังจากอาหารเช้าที่รีสอร์ท รถตู้ขนาด 3,000 ซีซี ลัดเลาะตามเส้นทางอันคดโค้งฝ่าหมอกหนาในยามเช้าปีนขึ้นดอยจนเวลาผ่านไปราว 2 ชั่วโมง ทุกคนตื่นกันอีกครั้งเมื่อเห็นดอกไม้งามบานสะพรั่งท่ามกลางหุบเขาที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง บนดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เพียงเปิดประตูรถตู้ก้าวขาลงยังไม่ทันถึงพื้น เสียงร้องกึ่งอุทานดังขึ้น มีนัยของเสียงนั้นคือหนาวจัง

  คุณจรุวรรณ ยิ้มหิ้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์สาวประจำสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ผู้ซึ่งมาตอนรับเรา และบรรยายสรุปเกี่ยวกับกิจกรรมของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง บอกว่า ตอนเช้ามืดอุณหภูมิในตู้วัดอยู่ที่ 1 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิด้านนอกตามยอดหญ้าอยู่ที่ -1 องศาเซลเซียส แม้ยามนั้นแสงแดดเริ่มเจิดจ้า แต่อากาศยังหนาวจัด จนสายแล้วผู้คนทั่วทุกสารทิศต่างมุ่งหน้าขึ้นสู่ดอยอ่างขาง ทำให้ลานดอกไม้กลางแจ้งเต็มไปด้วยผู้คนทั้งไทยและต่างชาติ ที่คว้ากล้องถ่ายภาพอย่างสนุกสนาน

 คุณจรุวรรณพาคณะเราไปดูงานจุดแรกที่แปลงดอกไม้กลางแจ้งในสวน 80 พรรษา ซึ่งไม้ดอกเมืองมากมายและสวยงามมาก โดยคุณจรุวรรณเดินนำไปและบรรยายไปตลอดทาง ขณะที่สมาชิกของเราต่างบันทึกภาพเป็นระยะ ขณะที่เสียงอุทานออกจากปากตลอดเวลาว่า "สวยจริงๆ"

 ออกจากสวน 80 พรรษา เข้าสวนกุหลาบอังกฤษ ตามด้วยโรงเรือนที่คัดผลผลิตทางการเกษตรบนดอยอ่างขาง จากนั้นขึ้นไปจุดศูนย์ผักชนิดต่างๆ ทั้งที่ปลูกในแปลง และปลูกในโรงเรือนในระบบไร้ดิน มีพืชผักมากมาย อาทิ ผักสลัดหลายชนิด สวิสชาร์ด, เชเลอรี รูบาบ เป็นต้น จากนั้นไปสวนบอนไซที่นำเอาพรรณไม้เมืองหนาว ไม้ดอกหอม ไม้โตเร็ว ไม้ทนแล้ง มาดัดเป็นไม้แคระ โรงเรือนไม้ดอกเมืองร้อน และไปจบที่โรงเรือนไม้ดอก ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของดอกไม้งาม ไม้ประดับที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง พร้อมกับการควักกระเป๋าช็อปปิ้งซื้อสินค้าที่เป็นผลผลิตจากอ่างขางทั้งหมด

 คล้อยบ่ายเราอำลาดอยอ่างขาง มุ่งหน้าสู่สวนอินทผลัม ที่ "บ้านสวนโกลัก" ของ คุณศักดิ์ ลำจวน หมู่ 1 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสวนอินทผลัมแห่งแรกของไทยที่คุณศักดิ์พัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาเอง และตั้งชื่อพันธุ์ใหม่ "แม่โจ้ 36" เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์แลคเรตนัวของอิสราเอล กับพันธุ์บาไฮของจอร์แดน โดยมี คุณชาติชาย ชัยเลิศ ทีมงานของคุณศักดิ์ ต้อนรับ และบรรยายเกี่ยวกับการปลูกอินทผลัมในเมืองไทย และวันนั้นทุกคนได้ชิมผลอินทผลัมพันธุแม่โจ้ 36 กันทุกคน ก่อนที่จะไปดูสวน ซึ่งต้นอินทผลัมยังออกผลอยู่เพียงต้นเดียวจากทั้งหมดกว่า 700 ต้น

 ออกจากบ้านสวนโกลักไปยังบ้านไชยปราการ ซึ่งบ้านทำด้วยไม้หอมฮิโนกิหลังแรกของเมืองไทย เป็นบ้านของ คุณอนิรุทธิ์ แซ่จึง เจ้าของ "เอ.ดี.วาย.ฟาร์ม" ซึ่งเป็นฟาร์มโคเนื้อพันธุ์ชาร์โรเลส์ เลือด 100% มีแห่งเดียวในไทยที่ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ และที่นั่นมีการแปรรูปไม้หอมฮิโนกิทำเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ภายครัวเรือน ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น หลังเลือกสินค้าได้แล้วจึงเข้าชมฟาร์มโคเนื้อพันธุ์ชาร์โรเลส์ ก่อนกลับไปที่พักกลางเมืองเชียงใหม่

 วันสุดท้ายก่อนอำลาเมืองเหนือ เราออกจากที่พักไปยังศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดลำพูน (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง) ที่ ต.ศรีบัวบาน อ.เมือง จ.ลำพูน โดยมี คุณสมชาย เล่ห์เหลี่ยม นักวิชาการเกษตรชำนาญการประจำศูนย์ และคณะ ต้อนรับและบรรยายสรุป จากนั้นจึงเข้าแปลงดอกหน้าวัว ซึ่งมีดอกหน้าวัวสายพันธุ์ใหม่ที่ทางศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดลำพูน พัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาเอง เป็นดอกหน้าวัวที่มีดอกใหญ่ที่สุดเท่าที่เห็นมา แต่ตอนนี้ยังไม่ตั้งชื่อ เพราะยังอยู่ในระหว่างการวิจัย

 จุดที่สอง คุณสมชายพาไปชมโรงเรือนกล้วยไม้พันธุ์ฟาแลนนอปซิส ในโครงการวิจัยพัฒนาการผลิตกล้วยไม้เชิงอุตสาหกรรมในพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และที่นั่นมีกล้วยไม้พันธุ์ฟาแลนนอปซิสที่กำลังออกดอกสวยงาม ทำให้คณะของเราคว้ากล้องถ่ายรูปขึ้นมาอีก และที่สำคัญหลายคนควักกระเป๋าซื้อกล้วยไม้ติดไม้ติดมือไปคนละหลายต้นทีเดียว และสุดท้ายของการดูงานแปลงปลูกไผ่หม่าจู ซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจของไต้หวันชนิดหนึ่ง

 เราอำลาเมืองเหนือก่อนเที่ยงเล็กน้อย และทริปต่อไปกำหนดคร่าวๆ ว่า จะจัดไปยังวังน้ำเขียว ซึ่งได้รับขนานนามว่า "สวิตเซอร์แลนด์แห่งอีสาน" ที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา 2 วัน 1 คืน ไปชมดอกกล้วยไม้ แปลงปลูกเยอร์บีร่า สวนองุ่น โรงงานผลิตไวน์ ขากลับจะวกกลับไปทางปากช่อง แวะเข้าสวนเกษตรอีกหลายแห่ง ซึ่งกำลังจะไปสำรวจเส้นทางภายในสัปดาห์นี้ 

 สนใจทริปใหม่ ซึ่งเป็นทริปแรกของปีขาล (เสือ) ส่งท้ายลมหนาวที่วังน้ำเขียว ระหว่างวันที่ 23-24 มกราคม 2553 สอบถามได้ที่โทร.0-2338-3356-7 รับจำนวนจำกัด

ดลมนัส  กาเจ