
บุกศาลากลางขอนแก่นจี้ผู้ว่าฯจับมือฉกพระนาดูน
ปราชญ์ชาวบ้านขอนแก่นเผาหุ่นพ่อเมืองปล่อยให้โบราณวัตถุในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถูกคนร้ายโจรกรรม 91 รายการ รอง ผบช.ภ.4 ได้ภาพสเก๊ตซ์คนร้ายขอเวลา 3 วัน ออกหมายจับ
ความคืบหน้ากรณีคนร้ายเข้าไปโจรกรรมโบราณวัตถุที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขอนแก่น ช่วงวันที่ 4-5 ธ.ค. 2552 จนถึงวันที่ 13 ธ.ค. เป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ การติดตามจับกุมคนร้ายยังไม่มีความคืบหน้า
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น (หลังใหม่) ได้มี นายบำรุง บุญปัญญา อายุ 65 ปี ปราชญ์ชาวบ้านภาคอีสาน ในฐานะประธานกลุ่มคุ้มวัฒนธรรมอีสาน โดยมีที่ทำการตั้งอยู่ในคุ้มวัฒนธรรมอีสาน ริมบึงแก่นนคร ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ได้มายืนประท้วงเนื่องจากว่า มรดกของชาติอันหาค่ามิได้ จำนวน 91 รายการ ถูกขโมยไปจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น พวกเราในฐานะประชาคมคนขอนแก่นขอให้ นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผวจ.ขอนแก่น พร้อมกับข้าราชการตำรวจภาค 4 ข้าราชการในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น ให้ออกไปจากพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง
โดยผู้ประท้วงได้นำป้ายข้อความประณามข้าราชการที่รับผิดชอบสมบัติของชาติที่เป็นโบราณวัตถุ 91 รายการ ถูกโจรกรรมไปจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น ว่า “แด่สมบัติมรดก 91 ชิ้น เกลือเป็นหนอน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น ต้องจัดการ” “มรดกล้ำค่าสูญหายไป 91 รายการ หามูลค่ามิได้ ใครรับผิดชอบ ผู้ว่าฯขอนแก่นทำอะไรอยู่” “ด่วน... ย้ายข้าราชการชั่วออกนอกพื้นที่ ดำเนินคดีโจรในเครื่องแบบให้ถึงที่สุด”
นายบำรุง บุญปัญญา ปราชญ์ชาวบ้านภาคอีสาน กล่าวว่า จากเหตุการณ์มีการโจรกรรมโบราณวัตถุ จำนวน 91 รายการ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น ตนและสมาชิกในกลุ่มวัฒนธรรมอีสานเสียใจอย่างมาก เพราะสมบัติชาติที่หายไปถือว่าเป็นมรดกโลกที่มีประเทศไทยเป็นเจ้าของอีกด้วย ทำไม ผวจ.ขอนแก่น ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น จึงไม่มีปัญญารักษาไว้ให้เป็นมรดกของลูกหลานตลอดไป เมื่อรักษาไม่ได้ปล่อยให้หายไปโดยไม่สามารถจับตัวคนร้าย และเอาโบราณวัตถุที่หายไปมาคืนยังที่เดิมได้
ทั้งนี้ เวลาผ่านมา 10 วันแล้ว ตนจึงต้องทำพิธีประท้วง ผวจ.ขอนแก่นในรูปแบบทำคนเดียว โดยเฉพาะคดีนี้ ตนเชื่อว่า เป็นแก๊งใหญ่ และเป็นโจรในเครื่องแบบอีกด้วยที่โจรกรรมทรัพย์สมบัติของชาติได้อย่างไร้ร่องลอย ตนจึงต้องมาเรียกร้องให้หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบไปตามหาคนร้าย และนำโบราณวัตถุ จำนวน 91 รายการ กลับมาคืนพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น ให้เร็วที่สุด ถ้าไม่ได้มาในปี 2552 พวกเขาจะต้องออกจากราชการ โดยเฉพาะ ผวจ.ขอนแก่นเป็นคนแรก หลังจากเหตุการณ์มีคนร้ายเข้ามาโจรกรรมทรัพย์สมบัติของชาติในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเสนอข่าวออกไปทั่วประเทศ ในลักษณะปัดความรับผิดชอบ และวางมาตรการวัวหายล้อมคอก ถือเป็นเรื่องปัญญาอ่อนอย่างมาก โดยไม่พูดถึงคนร้ายเข้ามาโจรกรรมโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น แต่อย่างใด
หลังจากนั้นได้มีนายพยัต ชาญประเสริฐ รอง ผวจ.ขอนแก่น เดินมารับเรื่องร้องทุกข์กับนายบำรุง บุญปัญญา พร้อมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ นายบำรุงก็ปฏิเสธไม่ขอพบด้วย จะขอพบนายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผวจ.ขอนแก่น เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่ง ผวจ.ขอนแก่นมีภารกิจราชการนอกพื้นที่ ต่อมานายบำรุงได้นำฟางที่ยัดใส่ย่ามจนแน่น แล้วสมมุติให้เป็น ผวจ.ขอนแก่น โดยจุดไฟเผาฟางในย่ามชูขึ้น เจ้าหน้าที่ที่มารักษาความสงบจึงได้มาขอให้ดับ โดยยื้อกันอยู่นานจนฝ่ายนายบำรุงปล่อยให้ดับไปเอง พร้อมกับบอกว่า ข้าราชการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น ข้าราชการตำรวจภูธร ภาค 4 ข้าราชการฝ่ายปกครอง จ.ขอนแก่น อย่าปัดสวะความรับผิดชอบที่โบราณวัตถุ 91 รายการ ถูกขโมยไปจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น และอย่าแก้ปัญหาด้วยวัวหายล้อมคอกอย่างเด็ดขาด และเอาสมบัติของแผ่นดินกลับคืนมาสู่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น ภายใน 7 วัน อีกด้วย
นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผวจ.ขอนแก่น ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่ากรณีได้มีประชาชนมาร้องทุกข์กับ ผวจ.ขอนแก่น ในการตามหาทรัพย์สมบัติชาติที่เป็นโบราณวัตถุจำนวน 91 รายการ ถูกโจรกรรมไปจากพิพิธภัณฑสถานแห่ชาติ ขอนแก่น เรื่องนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการหาคนร้าย และโบราณวัตถุกลับคืนมาให้ได้โดยเร็ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรง ซึ่งตอนนี้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีเบาะแส และทราบว่าผู้ต้องสงสัยคือใคร กำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ และออกหมายจับคนร้ายให้ได้ในเร็วๆนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าคดีดังกล่าวได้ออกหมายเรียกบุคคลที่เคยเข้าไปชมโบราณวัตถุที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ขอนแก่น มาให้ปากคำภายใน 7 วัน จำนวน 2 ราย รวมทั้งได้ประกาศมอบเงินให้กับประชาชนผู้แจ้งเบาะแสของคนร้ายจำนวน 200,000 บาท และเรียกร้องให้ชายชุดดำ ที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิดเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย
นอกจากนี้แหล่งข่าวในกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. 2552 เป็นต้นไป ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 มอบหมายให้ พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เป็นผู้ให้ข้อมูลข่าวสารแก่สื่อมวลชนเพียงผู้เดียว ส่วนความเคลื่อนไหว ของชายชุดดำที่ได้ประกาศทางสื่อมวลชน ให้มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจนั้น ยังไม่มีการติดต่อมาแต่อย่างใด ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ภาพสเก๊ตซ์คนร้าย ซึ่งเป็นชายชุดดำ ขอเวลา 3 วัน ออกหมายจับชายชุดดำที่จังหวัดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศไทย
แหล่งข่าวชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า จากการติดตามสืบสวนสอบสวนถือว่าตามรอยคนร้ายได้ยากมาก และสิ่งที่น่าสงสัยเชื่อว่าจะต้องมีบุคคลภายใน หรือบุคคลที่เคยทำงานในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น จะต้องรู้เห็นเป็นใจด้วย เนื่องจากคนร้ายรู้จุดที่จะเข้าไปงัดเอาพระที่อยู่ในตู้โชว์อย่างแม้นยำ ทั้งที่อยู่ในที่มืด อีกทั้งการลงมือของคนร้ายงัดตู้เพื่อหยิบพระ และงัดประตูบริเวณทางเข้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจะต้องมีเสียงดัง แต่เจ้าหน้าที่ รปภ.กลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เรื่องนี้จึงเป็นข้อสงสัย
นอกจากนี้กล้องวงจรปิดเองไม่สามารถจับภาพตอนกลางคืนได้เพราะความมืดทำให้กล้องไม่สามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้ แต่หากคนร้ายลงมือตอนกลางคืนบริเวณชั้น 2 ของอาคารจัดแสดง จะต้องมีแสงสว่างพอที่จะมองเหตุพระที่จะโจรกรรม รวมทั้งจะต้องมองเห็นจุดที่จะต้องงัดตู้โชว์ แต่กล้องวงจรปิดเองกลับมืดมองไม่เห็นแม้กระทั้งแสงไฟที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมาก
ดังนั้นแนวทางการสืบสวนจึงให้น้ำหนักว่าจะต้องมีบุคคลในพิพิธภัณฑสถาน หรือบุคคลที่เคยทำงานในพิพิธภัณฑสถาน รู้เห็นเป็นใจ เพราะคนร้ายเจาะจงหยิบพระธาตุกรุนาดูน ส่วนพระหรือเทวรูปอื่นๆ ถือเป็นของแถม และมีความชำนาญ และรู้จุดที่จัดเก็บพระธาตุกรุนาดูนเป็นอย่างดี
ขณะที่นายพีระเชษฐ์ เกียรติโรจนกำธร นักสะสมพระเครื่อง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า สำหรับพระเครื่องกรุพระธาตุนาดูนที่ถูกโจรกรรมไปนั้น ถือว่าเป็นพระที่เซียนพระต่างมีความต้องการเพราะเป็นพระที่มีความเก่าแก่และหายาก โดยเฉพาะรุ่นพิมพ์ลีลา พิมพ์ปกเดียวใหญ่ และพิมพ์ปกคู่ ซึ่งถือว่าเป็นที่นิยมมาก และมีราคาที่สูงมากในตลาดพระเครื่อง และเซียนพระทุกคนไม่ได้มองว่าเป็นพระเครื่อง แต่มองว่าเป็นวัตถุโบราณที่มีความเก่าแก่มีอายุกว่า 1,000 ปี
ในตลาดพระเครื่องยังคงมีพระกรุนาดูลให้เช่าบูชา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นของปลอมมากกว่า ดังนั้นหากมีใครนำพระกรุนาดูนที่ถูกโจรกรรมมาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น ออกมาขายให้ก็จะดูรู้ทันที เพราะพระทุกองค์จะมีโค๊ดอยู่ด้านหลัง และคนที่เล่นพระกรุนาดูนจริงจะไม่นิยมนำมาห้อยคอเนื่องจากมีขนาดองค์พระมีขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่แล้วจะเก็บสะสม ดังนั้นในตลาดพระเครื่องเองก็หาดูพระกรุนาดูนได้ยาก