
ท่องเมืองโบราณน่านเจ้า..ย่างเท้าเข้าแดนสวรรค์'ลี่เจียง'
เรื่อง/ภาพ โดย มณเฑียร อินทะเกตุ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ชาวไทยนิยมไปท่องเที่ยวไม่ต่างจากญี่ปุ่นกับเกาหลีเพราะมีธรรมชาติที่สวยงาม มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย ซึ่งหลายคนอาจนึกถึงแต่เมืองใหญ่อย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ทว่าในมณฑลยูนนานก็มีอีกหลายสถานที่ที่น่าสนใจ สวยงามและมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะ “คุนหมิง” กับ “ลี่เจียง” ที่ไม่ควรพลาดไปเที่ยวชม
ด้วยเหตุนี้ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จึงได้จัดทริปพาย้อนรอย “ท่องเมืองโบราณน่านเจ้า ย่างเท้าเข้าแดนสวรรค์ลี่เจียง” นำโดย บัญญัติ คำนูณวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการซีพี ออลล์ ธานี ลิมปนารมณ์ ผู้จัดการทั่วไป และทีม อาศรมสยาม-จีนวิทยา โดย อ.ประสิทธิ์ ฉกาจธรรม ผู้อำนวยการ และ รศ.ดร.วรศักดิ์ มหัทธโนบล อาจารย์พิเศษ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รวมพลหน้าตำหนักทอง
ทริปนี้ประเดิมด้วย “ตำหนักทอง” หรือ “ตำหนักจินเตี้ยน” เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ตำหนักไท่เหอกง” ตั้งอยู่เชิงเขาหมิงเฟิ่งซาน หรือ “ภูเขานกแก้ว” ทางด้านทิศตะวันออกของตัวเมืองคุนหมิง สร้างขึ้นในสมัยยราชวงศ์หมิง และได้รับการบูรณะโดย “อ๋องอู๋ซานกุ้ย” ผู้ปกครองดินแดนแถบนี้ในสมัยราชวงศ์ชิง ตำหนักหลังนี้มีความสูง 6.7 เมตร กว้างและยาว 6.2 เมตร สร้างขึ้นด้วยทองเหลืองทั้งหลัง มีน้ำหนักกว่า 250 ตัน เป็นสิ่งปลูกสร้างทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของจีน มีกระบี่ 7 ดาว น้ำหนัก 12 กิโลกรัม และดาบกายสิทธิ์หนัก 20 กิโลกรัม ที่เชื่อว่าเป็นอาวุธประจำกายของอู๋ซานกุ้ย
เมืองโบราณลี่เจียง
หลังเที่ยวชมตำหนักทองที่เมืองคุนหมิง วันถัดมาชาวคณะก็เดินทางต่อไปยังเมืองลี่เจียงด้วยรถไฟความเร็วสูง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อเที่ยวชม “เมืองโบราณลี่เจียง” และ “สระน้ำมังกรดำ” ซึ่งถือเป็นตัวเมืองที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโกในปี 2540 ตั้งอยู่บนที่ราบสูง เหนือระดับน้ำทะเล 2,400 เมตร มีชนเผ่าต่างๆ อาศัยอยู่กว่า 10 ชนชาติ เช่น ฮั่น ไป๋ อี๋ และทิเบต แต่มีชนเผ่านาซีอยู่มากสุดถึงร้อยละ 70
สระน้ำมังกรดำ
การมาเที่ยวลี่เจียงนั้น มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองอยู่หลายแห่งที่ควรแวะไป อาทิ “เมืองโบราณต้าเหยียน” ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของการมาเที่ยวลี่เจียงเลยก็ว่าได้ โดยเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนแบบจีนโบราณ ไม่มีกำแพงล้อมรอบเมือง แต่ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติของลำธาร คูคลอง และภูเขา ทำให้เราได้สัมผัสกับความงดงามของบ้านเรือนและสถาปัตยกรรมสไตล์จีนโบราณและธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ โดยถนนทุกสายในโบราณต้าเหยียนจะมาบรรจบกันที่ตลาดสี่เหลี่ยม หรือ “ซื่อฟางเจีย” สถานที่ที่เราจะได้รับประทานอาหาร เลือกซื้อสินค้าที่ระลึก เดินเล่น ท่ามกลางบรรยากาศเมืองโบราณทั้งกลางวันและกลางคืน จนถูกขนานนามว่าเป็น “เวนิสแห่งโลกตะวันออก”
เจดีย์สามองค์วัดฉงเซิ่ง
ส่วน “สระมังกรดำ” หรือที่ชาวจีนเรียกว่า “เฮยหลงถัน” ตั้งอยู่ในสวนยู่ฉวน เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เก่าแก่และสำคัญต่อเมืองลี่เจียง สร้างขึ้นสมัยราชวงศ์ชิง นอกจากความร่มรื่นของเหล่าต้นไม้ ความงดงามของสถาปัตยกรรมโบราณแบบฮั่น ทิเบต และนาซี อย่างศาลากลางน้ำ สะพานหิน และอาคารต่างๆ แล้ว ภายในสวนยู่ฉวนยังมีสระมังกรดำที่เป็นไฮไลท์ของสวนแห่งนี้ โดยน้ำในสระมังกรดำมีความใสมาก ใสจนสามารถมองเห็นไปถึงพื้นใต้น้ำได้ โดยน้ำนี้ไหลมาจาก “ภูเขาหิมะมังกรหยก” บรรยากาศที่นี่เงียบสงบ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเราสามารถมองเห็นภูเขาหิมะมังกรหยกได้จากที่นี่อีกด้วย
ภูเขาหิมะมังกรหยก
ขณะเดียวกัน “ภูเขาหิมะมังกรหยก” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางสำคัญของผู้ที่ต้องการมาเที่ยวลี่เจียง ภูเขาหิมะมังกรหยกตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติของจีน หากมองจากไกลๆ เราจะเห็นภูเขาเป็นรูปเหมือนมังกรกำลังเลื้อยอยู่ ซึ่งภูเขาแห่งนี้ถูกหิมะปกคลุมตลอด สีฟ้าใสของท้องฟ้าที่ตัดกับสีขาวของหิมะ ทำให้ภูเขาหิมะมังกรหยกสวยจับใจ ซึ่งเราสามารถขึ้นนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไปยังจุดชมวิวได้ โดยด้านบนมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึกขายด้วย อย่างไรก็ตามการขึ้นมาบริเวณจุดชมวิวเป็นจุดที่มีออกซิเจนเบาบาง มีความกดอากาศต่ำ ซึ่งทำให้เราหายใจลำบาก โดยเราอาจจะซื้อลูกอมติดตัวไว้หรือซื้อกระป๋องออกซิเจนที่มีขายจากร้านค้าบริเวณนั้นหรือซื้อจากไทยก็จะถูกกว่าติดตัวไว้ด้วย จะช่วยให้เราหายใจสะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งใกล้ๆ จุดชมวิวมีการแสดงจากฝีมือผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง “จางอี้โหมว” ที่ใช้ชื่อการแสดงว่า Impression Lijiang ซึ่งเป็นการแสดงจากชนกลุ่มน้อยนาซีให้เราได้ชมเพื่อถ่ายทอดเรื่องราววิถีชีวิตความเป็นอยู่เมื่อครั้งอดีตกาล
หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน
หลังดื่มด่ำกับวิวสวยบนภูเขาหิมะมังกรหยก ด้านล่างไม่ไกลกันนักยังมี “หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน” ที่มีแม่น้ำไหลลงมาจากภูเขาหิมะมังกรหยก เพลินตาไปกับน้ำสีเทอร์ควอยซ์ใสปิ๊ง ซึ่งคนท้องถิ่นถือเป็นแม่น้ำแห่งความรัก เพราะแม้จะเป็นหน้าร้อนแต่น้ำยังเย็นเฉียบ ผู้ชายจะมายืนเท้าเปล่าในแม่น้ำเพื่อแสดงความรักแก่ผู้หญิง เชื่อว่าการทดสอบความรักต่อหน้าภูเขาหิมะอันศักดิ์สิทธิ์แบบนี้จะทำให้ความรักสองคนยืนยงยาวนาน
เมืองไป๋ซา
อย่างที่บอกในข้างต้น “ลี่เจียง” มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง โดย “หมู่บ้านไป๋ซา” เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่ยังคงความงดงามของสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณเอาไว้ให้เราได้ชม โดยหมู่บ้านไป๋ซาเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของลี่เจียงในสมัยราชวงศ์ซ่งและราชวงศ์หยวน ในอดีตเป็นศูนย์กลางทาง การเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของลี่เจียง
วัดฉงเซิ่ง
ปิดท้ายทริป “ท่องเมืองโบราณน่านเจ้า ย่างเท้าเข้าแดนสวรรค์ลี่เจียง” ที่ “เมืองต้าหลี่” ของชนเผ่าไป๋ ด้วยการเที่ยวชม “วัดฉงเซิ่ง” อารามหลวงในสมัยอาณาจักรน่านเจ้า และอาณาจักรต้าหลี่ ที่มีอายุมากกว่า 1 พันปี นอกจากนี้วัดฉงเซิ่งยังมี “เจดีย์สามองค์” อยู่บนเชิงเขา แลดูสวยงามถูกใจคนชอบเก็บภาพสวยๆ และความประทับใจสำหรับการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน..