ไลฟ์สไตล์

ร่มพระบรมโพธิสมภาร

ร่มพระบรมโพธิสมภาร

04 ธ.ค. 2552

คำว่า...”ร่มพระบรมโพธิสมภาร”... เป็นคำที่ลึกซึ้งเหลือเกิน ส่วนใหญ่เรามักจะรู้สึกและใช้คำนี้กับคนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย

 เช่น คนเชื้อชาติจีน ได้เดินทางหนีภัย หรือแสวงหาความเจริญเข้ามาอยู่ในประเทศไทย เขามักจะพูดว่า...ได้เข้ามาอาศัยร่มพระโพธิสมภาร...นับเป็นความสำนึกของชาวจีนในพระมหากรุณาธิคุณ เพราะพวกเขารู้ว่า แผ่นดินที่เป็นเอกราช ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น มิได้มีได้โดยง่ายเลย

 การจะมีร่มพระบรมโพธิสมภารนั้น พระมหากษัตริย์ไทยต้องทำอย่างไรบ้าง ?
 ผู้ที่เรียนประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งเท่านั้น ที่จะตอบได้ว่า  ต้อง...ก่อตั้ง  รักษา พัฒนา ถาวร...ทั้ง ๔ องค์ประกอบถ้าดูตามตัวหนังสือนั้นง่ายนัก แต่ในการปฏิบัติจริง ยากเป็นอย่างยิ่ง ต้องสละแม้กระทั่งชีวิตของพระองค์ และของบรรพชน

 คนที่เรียนประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งทุกคน และเรียนประวัติศาสตร์เชิงเปรียบเทียบ จึงสามารถเป็นผู้...ก่อตั้ง รังสรรค์ ป้องกันธุรกิจ พิชิตความสำเร็จได้... เพราะมีบุคคลต้นแบบมากมายให้ศึกษา

 โดยเฉพาะ พระมหากษัตริย์ไทย ที่ทรงเป็นพุทธมามกะ  ทรงเป็นองค์พระประมุขที่ดำรงอยู่ในมรรคแปด อันมีสัมมาทิฐิ เป็นองค์ธรรมนำการบริหารพระองค์ และประเทศชาติ  จึงเป็นประเทศที่ไม่ก่อศัตรู ทำให้พสกนิกรอยู่อย่างปลอดภัย

 ส่วนประเทศที่เป็นเมืองขึ้น หรือที่เรียกว่า “ขี้ข้า” นั้น เพราะมีแต่คน...ขี้ขลาด ปราศจากสามัคคี ไม่มีคนดีคนเก่ง...จึงเป็นประเทศราช หาได้มีร่มพระบรมโพธิสมภารไม่

 ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นเอกราช ปัจจุบันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ที่ทรงเป็นสัญลักษณ์ทั้งของประเทศ และทรงเป็นต้นแบบของพระมหากษัตริย์ในโลกปัจจุบัน    
 

สิทฺธมตฺถุ  อิทํ   ผลํ                               ขอน้อมจิตตั้งในบุญกุศล
ขอน้อมดวงใจถวายชัยมงคล                   องค์ภูมิพลมหาราชา
ในวโรกาสปราศขันธมาร                         แปดสิบพรรษากาลชาวไทยหรรษา
ดีใจสุดกลั้นเกินพรรณนา                        ถึงหลั่งน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
ทรงเป็นดวงใจชาวไทยทุกผู้                    กราบไหว้เชิดชูบูชาเหนือหัว
ไหว้พระสวดมนต์ทุกคนทุกครัว                 กุศลถ้วนทั่วถวายทรงชัย
ขอทรงชนะมวลอุปสรรค                        ไตรรัตน์ปกปักทุกกาลสมัย
เป็นร่มโพธิทองของประชาไทย                 หกสิบล้านดวงใจถวายชัยมงคล

"พระราชวิจิตรปฏิภาณ (เจ้าคุณพิพิธ)"