
พระมหากษัตริย์ผู้ทรงยิ่งด้วยพระบารมี
วันนี้ จะได้กล่าวถึง พระมหากษัตริย์ผู้ทรงยิ่งด้วยพระบารมี คือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ พระองค์ปัจจุบันนี้แหละ ทรงเป็นผู้ยิ่งด้วยพระบารมี
คำว่า “บารมี” หมายถึง คุณความดีอย่างยิ่งยวด ๑๐ ประการด้วยกัน คือ ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี รวมเรียกว่า “บารมี ๑๐ ทัศ”
คุณความดีอย่างยิ่งยวดในขั้นบารมีนี้ เมื่อผู้ประกอบบำเพ็ญแก่กล้ายิ่งขึ้น ชื่อว่า “อุปบารมี” และอุปบารมีเมื่อผู้บำเพ็ญแก่กล้ายิ่งขึ้น ชื่อว่า “ปรมัตถบารมี”
เพื่อให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้น ขอยกตัวอย่างการเสียสละ การบริจาควัตถุสิ่งของช่วยเหลืออนุเคราะห์ผู้อื่นให้อยู่ดีมีสุข และ/หรือช่วยสงเคราะห์ผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์เดือดร้อนในระดับปกติธรรมดา จัดเป็น “บุญกุศล” คือ คุณความดี เป็นสภาพธรรมที่ช่วยชำระจิตใจผู้ประกอบบำเพ็ญให้บริสุทธิ์จากความตระหนี่เหนียวแน่นได้ ในระดับเบื้องต้น
ต่อเมื่อผู้ประกอบบำเพ็ญนั้น กล้าเสียสละแม้ของรักของหวง เช่น แก้ว แหวน เงิน ทอง อันเป็นทรัพย์สิ่งของที่ตนรัก หวงแหน เพื่ออนุเคราะห์สงเคราะห์ผู้อื่นได้ จัดเป็นคุณความดีอย่างยิ่งยวดในขั้น “ทานบารมี”
เมื่อผู้ประกอบบำเพ็ญได้แก่กล้ายิ่งขึ้น ถึงกล้าเสียสละแม้เลือดเนื้อของตน และ/หรือแม้สิ่งของที่เป็นปัจจัยสำคัญในการประกอบสัมมาอาชีวะ เพื่อการดำรงชีวิตที่ดี ที่เป็นความสุขของตน เพื่อช่วยเหลืออนุเคราะห์สงเคราะห์ผู้อื่นได้ จัดเป็นคุณความดีอย่างยิ่งยวดในขั้น “อุปบารมี”
และถ้าประกอบบำเพ็ญได้แก่กล้าถึงกล้าเสียสละชีวิตของตน หรือเสียสละบุตรภรรยา ผู้เป็นที่รักดังดวงใจ ให้เป็นทาน เพื่ออนุเคราะห์สงเคราะห์ผู้อื่นได้ โดยไม่เสียดาย จัดเป็น “ทานปรมัตถบารมี”
ดังเช่น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม ของเราพระองค์นี้ เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร ทรงบริจาคชาลีและกัณหา พระโอรสและพระธิดาให้เป็นทานแก่พราหมณ์ชูชก และทรงบริจาคพระนางมัทรีให้แก่ท้าวสักกเทวราช ผู้จำแลงกายมาขอ เพื่อทรงป้องกันมิให้พระเวสสันดรบริจาคพระนางให้ผู้อื่น ต่อเมื่อท้าวสักกเทวราชรับบริจาคแล้ว จึงได้ทรงถวายกลับคืนแด่พระเวสสันดร
การบำเพ็ญบุญบารมีเต็มปรมัตถบารมี ทั้ง ๑๐ ประการ ในระดับนั้นๆ ก็จะมีพลังเพียงพอแก่การบำเพ็ญสมณธรรม ให้ได้บรรลุมรรคผล นิพพาน ที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ และที่เป็นบรมสุขอย่างถาวร ในระดับนั้นๆ ได้
"พระราชญาณวิสิฐ (หลวงป๋า)"