ไลฟ์สไตล์

เอาแต่เงิน

เอาแต่เงิน

23 พ.ย. 2552

เดี๋ยวนี้มูลนิธิร่วมกตัญญู กลายเป็นแหล่งธุรกิจหาเงินแล้วเหรอ เพราะข้าพเจ้าและครอบครัว ได้ไปที่มูลนิธิร่วมกตัญญูมา เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ เพื่อต้องการไปบริจาคโลงศพ และผ้าห่อศพ ให้แก่บรรดาศพจากอุบัติเหตุ หรือกรณีต่างๆ โดยข้าพเจ้าได้สั่งให้ร้านขายโลงศพส

เจ้าหน้าที่นั่งโต๊ะ (คอยรับเงิน) แจ้งว่า ไม่รับบริจาคเป็นโลงศพ หรืออื่นๆ แต่ต้องการเงินเพียงอย่างเดียว เพราะผู้ใหญ่สั่งมา เมื่อข้าพเจ้าทราบเรื่องจึงไปที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ข้างวัดหัวลำโพง ซึ่งปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ข้างในบอกว่าเป็นนโยบายของผู้ใหญ่ ที่ไม่ต้องการรับบริจาคโลงศพ หรืออื่นๆ แต่อยากได้เงินเพียงอย่างเดียว เมื่อข้าพเจ้าซักถามว่าการบริจาค ทำไมต้องการแต่เงิน เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่รู้เพราะผู้ใหญ่สั่งมา และอาจเป็นเพราะไม่มีที่วาง ทั้งๆ ที่ด้านหลังของเจ้าหน้าที่นั้น มีที่ในห้องโถงที่วางโลงศพเหลือที่อยู่มากมาย สามารถวางโลงศพได้มากกว่า 20 โลงศพด้วยซ้ำไป และเมื่อตรวจสอบลึกลงไปอีกพบว่า มูลนิธิร่วมกตัญญู บอกว่าหากต้องการเป็นเจ้าภาพเดี่ยวๆ ก็บริจาคเป็นเงินดีกว่า เพราะโลงพร้อมผ้า ก็พันกว่าบาท ก็จะสามารถเป็นเจ้าภาพ โดยไม่ต้องร่วมกับใคร แต่จากการตรวจสอบพบว่า สิ่งที่บอกนั้น “โกหก” เพราะโลงทุกโลง จะให้ผู้บริจาคนำกระดาษแดงเขียนชื่อแล้วไปปิดทับๆๆ ซ้อนๆ กัน โดยไม่ได้มีอะไรที่แยกแยะเลยว่าใครคือเจ้าภาพ แบบไม่ร่วม และเมื่อมีคนมาปิดกระดาษมากๆ แล้ว ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยมาดึงทิ้ง เพื่อให้คนมาแปะติดกันซ้ำๆ ต่อไปอีก เท่ากับว่าโลงเก่าๆ ใบหนึ่ง ทั้งคนที่ปรารถนาจะบริจาคเป็นเจ้าภาพร่วม หรือบริจาคแบบเป็นเจ้าภาพเดี่ยว มันก็เหมือนกันหมด และมูลนิธิร่วมกตัญญู ก็สามารถหาเงินจากลักษณะนี้ ได้โลงหนึ่ง มากกว่า 3 หมื่นบาทขึ้นไป ภายใน 1 ชั่วโมง ตามที่ข้าพเจ้าได้ใช้เวลาสังเกตดู จึงค่อนข้างแน่ใจว่า ตอนนี้ การรับบริจาคแบบนี้ มันกลายเป็นธุรกิจ หาเงินแบบสุดๆ ไปแล้ว จึงเรียนมาเพื่อให้ทุกท่านสามารถไปดูได้ด้วยตนเอง แต่อยากให้พิจารณาและดูว่าการกระทำแบบนี้ ถูกต้องไหม ? เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการหากินกับคนตายชัดๆ
 Email : [email protected] โทรศัพท์ 08-6888-9899
ตอบ
 น.ส.กุลดา โกศลวิจิตร์ รองหัวหน้ามูลนิธิร่วมกตัญญู สาขาหัวลำโพง ชี้แจงว่า วันนั้นผู้ร้องได้มาบริจาคจากโลงจริงๆ โดยมูลนิธิก็ได้บอกว่า จะทำการระบายโลงออกต่างจังหวัด คือสำนักงานใหญ่มีสต็อกในการเก็บโลงไว้เยอะมาก
 จริงๆ แล้วอาจจะเป็นเพราะเจ้าของโลงมากกว่า ที่ต้องการรับแต่เงิน ซึ่งตอนนี้โลงในสต็อกไม่มีที่จะเก็บแล้ว และด้านหลังซึ่งเป็นที่โล่งๆ นั้น จริงๆ แล้วไม่สามารถที่จะวางโลงได้ เพราะเป็นที่ให้คนที่เข้ามาทำบุญมานั่งพักผ่อน ณ ตรงนั้น และก็จะมีการเปิดทีวีให้ดู ในเรื่องว่ามูลนิธิได้ทำอะไรบ้าง และตรงนั้นไม่ใช่ที่วางโลง แต่เป็นห้องโถงมากกว่า
 เรื่องที่มูลนิธิบอกบริจาคเรื่องเงินพันกว่าบาทนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิพูดแน่นอน แต่ถ้ามีผู้ที่จะบริจาคโลงจริงๆ ก็มาวางไว้ มูลนิธิก็รับอยู่แล้ว
 ส่วนเรื่องที่ผู้ร้องบอกว่าเป็นคำสั่งผู้ใหญ่นั้น อาจเกิดจากความเข้าใจผิดของพนักงานกันเองมากกว่า เพราะต่างคนต่างยุ่งในเรื่องงาน เพราะสำนักงานใหญ่ก็ยุ่ง ต้องเตรียมโล่งส่งออกตามต่างจังหวัด และก็จะมีงานตั้งโลงทานขึ้นอีก ก็เลยลืมประสานงานกัน ก็เลยเกิดปัญหานี้ขึ้นมา
 คือในวันนั้นผู้ร้องอารมณ์ร้อนไปหน่อย ไม่ฟังเรื่องที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิบอกเลย ทางมูลนิธิมีเรื่องที่ต้องช่วยหลายๆ เรื่อง ไม่ได้ช่วยแต่เรื่องโลงศพอย่างเดียว
 และวันนั้นโลงที่คุณนำมาก็ใช้ไม่ได้ด้วย เป็นโลงที่เป็นไม้ประกบกัน 4 ด้าน ซึ่งไม่ค่อยได้คุณภาพเท่าไหร่ ร้านโลงเขาทราบว่าจะนำมาบริจาคเลยใช้โลงแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วจะใช้อีกลักษณะหนึ่ง ซึ่งจะมีผ้าคลุมกันน้ำเหลืองด้วย แต่โลงที่ผู้ร้องนำมานั้นไม่มี ซึ่งผิดลักษณะจากโลงที่จะต้องใช้
 การทำงานของมูลนิธิ จะเป็นการประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ สาขาหัวลำโพง กับสำนักงานใหญ่ หรือสาขาอื่นๆ คอยประสานงานกันตลอดเวลาอยู่แล้ว
 ส่วนโลงที่ตั้งอยู่ในมูลนิธิ จะเป็นโลงที่เวลาผู้มาบริจาคทำบุญ จะเขียนชื่อปิดไว้ที่โลง และจะนำชื่อพวกนี้ใส่ไปในโลงด้วย เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ การที่เอาชื่อมาปิดเรียงกัน ก็จะปิดไว้ แล้วก็จะเก็บชื่อเหล่านี้ไว้ เวลาโลงใช้ก็จะเอาชื่อพวกนี้ใส่ไปในโลงด้วย ไม่ได้ระบุว่าปิดชื่อแผ่นเดียวแล้วจะกลายเป็นเจ้าของโลงเลย เพราะว่าในแต่ละใบที่ปิดมา เพราะบางคนก็ทำบุญตามศรัทธา บางคนทำ 20 บาท 50 บาท ก็สามารถทำบุญได้ โดยไม่ได้บังคับว่าคุณต้องทำเท่าไหร่ 500, 1,000 บาท ไม่ใช่
ลุงแจ่ม