ไลฟ์สไตล์

รู้ทันกฎหมาย - เก็บของตก

รู้ทันกฎหมาย - เก็บของตก

19 พ.ย. 2552

หลายคนมีโชคทางนี้ ไปไหนมาไหนก็เจอของดีๆ ตกหล่นตามท้องถนนร่ำไป เห็นแล้วก็เก็บเอาไว้ตามสัญชาตญาณ ถือว่าได้ลาภเป็นงานอดิเรกไป

 ของที่ตกลงไปแล้วเราเก็บได้  ตามความเข้าใจสามัญทั่วไปก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเห็นๆ ว่าไม่น่าจะมีเจ้าของ  เพราะเขาคงทิ้งไม่ใช้ไม่เอาแล้ว

 งานนี้ก็ต้องดูที่ที่เราพบของนั้น หากมันนอนนิ่งอยู่ในถังขยะก็จะฟันธงลงไปได้ว่าเขาทิ้งขว้างไม่ต้องการมันแล้ว จะคุ้ยมันขึ้นมาปัดมาล้างใช้งานต่อไปก็ไม่มีใครว่าอะไร 

 ของตกกับของทิ้งไม่เหมือนกัน เพราะของตกมันก็คือตกหล่น ซึ่งการตกหล่นย่อมหมายถึงความเผลอไผลหรือพลาดไปของคนที่ทำตกนั้น ไม่ได้จะทิ้งมันเสียที่ไหน จะมั่วคิดเข้าข้างตัวเองได้แต่ระวังจะมีภัยมาถึงตัว

 ของที่มีค่ามีราคา ก็ไม่น่าเชื่อว่าเขาทิ้ง น่าจะเป็นการทำตกมากกว่า จะมาแอบอ้างเป็นของคนเก็บได้นั้นไม่ใช่เรื่อง กฎหมายท่านกำหนดเอาไว้ชัดเจนเลยว่า ถ้าเจอของตกเมื่อไหร่จะต้องนำส่งคืนเจ้าของเขาไป

 ถ้าไม่รู้ว่าเจ้าของอยู่ที่ไหนก็ต้องนำส่งให้เจ้าพนักงานตามกฎหมาย คือไปไว้ที่โรงพักเป็นดี ไม่ใช่หวังดีรอเจ้าของเป็นปีก็ไม่ทำอะไร กฎหมายท่านกำหนดไว้การยึดถือของที่เขาทำหายเอาไว้ต้องไม่เกินกว่า 3 ปี ครบเมื่อไหร่จะเก็บงำเอาไว้ไม่ได้ต้องนำไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บรักษาไว้และแจ้งรายละเอียดให้ทราบ

  ผลของการไม่มีความรู้ทางกฎหมายในเรื่องนี้ แล้วอ้างความหวังดี อาจมีโทษทางอาญาได้ในฐานลักทรัพย์ ซึ่งต้องอยู่ที่พฤติการณ์ในการเก็บของได้ว่ามีเจตนาหรือว่าเล็งเห็นได้ว่ามีเจ้าของแล้วมาหยิบฉวยไป

 เรื่องแบบนี้คนที่เก็บได้ก็มักจะถือว่าเก็บของตก แต่สำหรับเจ้าของจะถือว่า เขาทำของหาย ดังนั้น เขาจึงมีสิทธิเต็มตามกฎหมายที่จะไปติดตามเอาของที่หายนั้นคืนมา อย่างแรกที่เขาจะทำก็คือการแจ้งความว่าของหาย

 ดังนั้น วันใดที่มีใครไปเจอของหายอยู่ในกระเป๋าหรือในบ้านของเราเมื่อไหร่ คุณก็จะตกเป็นผู้ต้องสงสัยในข้อหาลักทรัพย์ได้ แม้ว่าคุณจะไม่ได้มีเจตนาเอาของคนอื่นไป เพียงแค่พบของตกอยู่แล้วเก็บไว้ ก็ต้องแก้ตัวแก้ต่างกันมากมาย ว่าไม่ได้ลักขโมยมา

 ความผิดฐานลักทรัพย์ไม่มีราคาค่างวดของทรัพย์กำกับเอาไว้ ต่อให้เป็นผ้าเช็ดหน้าธรรมดาก็ได้ข้อหาเดียวกับเงินทอง เพียงแต่ทรัพย์ที่มีราคาน้อยๆ ก็อาจเป็นข้อเท็จจริงที่จะทำให้พิจารณาว่า มีเจตนาที่จะเอาไป "โดยทุจริต" หรือไม่

 คุณงามความดีอันนี้มีค่าตอบแทนที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ เพราะเมื่อเจ้าของเขามารับคืนไป ก็จะได้รางวัลไป 10% ในทรัพย์ที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 หมื่นบาท หากมากกว่านั้นส่วนที่เกินก็จะได้อีก 5%  

 แต่ถ้าทรัพย์นั้นอยู่กับเจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าของยังต้องจ่ายเงินรางวัลอีก 2.5% แต่ไม่ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องให้กับหน่วยงานราชการนั้นๆ

 เงินรางวัลที่เจ้าของให้อาจมากกว่าที่กำหนดไว้ก็เป็นเรื่องสินน้ำใจ อย่างที่คนขับแท็กซี่ที่ได้เงินรางวัลจากการเก็บเงินได้ที่เบาะหลังนั่นไง แต่ถ้าเจอคนขี้เหนียวเมื่อไหร่ก็ทวงเงินรางวัลได้บอกว่ากฎหมายท่านกำหนดมา  

 ในกรณีที่เก็บได้แล้วทำตามที่กฎหมายกำหนดไว้เหล่านี้แล้ว ก็ไม่มีเจ้าของมารับเสียที หากครบ 1 ปีเมื่อไหร่ กฎหมายให้คนเก็บได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นไปเลย

 เรื่องการเก็บได้จึงมีเงื่อนไขทางกฎหมายให้ต้องรับรู้ จะมาตู่เอาเป็นของตนเมื่อไหร่ จากคนดีกลายเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายได้เพราะใจไม่ดีพอ

 ศรัณยา ไชยสุต